>>ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยสิ่งที่จะมาเติมพลังให้ชีวิตดูมีคุณค่าและก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องศิลปะ แฟชั่น และดนตรี แต่จะมีมากหรือมายขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นตั้งใจของแต่ละคน
หลายคนเมื่อพูดถึงเมืองหลวงในยุโรปแล้วมักประทับใจกับลอนดอน มิลาน หรือปารีส แต่สำหรับผมแล้ว เมืองหลวงที่คุ้นชินที่สุดคือ “สตอกโฮล์ม” (Stockholm) เมืองหลวงของสวีเดน ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียนนั่นเอง ด้วยเพราะสถาปัตยกรรมที่งดงาม และมีเมืองหลวงที่จัดว่าสวยงามที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดก็เห็นจะเป็นไลฟ์สไตล์สุดฮิปของผู้คนในประเทศนี้
สตอกโฮล์มนับเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแถบสแกนดิเนเวียน ที่ประกอบด้วย เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์ เลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นเมืองที่จัดจ้านไปด้วยศิลปะ แฟชั่น และดนตรี ที่มีให้เห็นอยู่แทบทุกหัวระแหงตั้งแต่เช้ายันค่ำจนถึงดึกดื่น ทั้งคลับ-บาร์ยอดฮิต ร้านอาหารสุดฮิป แหล่งชอปปิ้งสุดเริ่ด หรือแม้แต่กิจกรรมเท่ๆ มากมาย
ด้วยความที่ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียนมีอากาศหนาวถึงหนาวมากตลอดทั้งปี จึงทำให้มีไลฟ์สไตล์ที่เก๋ฮิปไม่ซ้ำใคร ทั้งด้านศิลปะ แฟชั่น และดนตรี กับสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเพื่อมาช่วยเติมเต็มให้การละเลียดแต่ละครั้งฟินสุดๆ ก็เห็นจะเป็นเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติ โดยเฉพาะวอดก้านั่นเอง
สำหรับใครที่ยังไม่เคยมาเยือนสตอกโฮล์ม อาจจะนึกไม่ออกว่าฟีลลิ่งของผู้คนแถบนี้เป็นอย่างไร ซึ่งผมบอกให้เลยว่า ลืมประเทศอื่นๆ ในยุโรป อย่าง ลอนดอน มิลาน หรือปารีส ไปได้เลย เมื่อมาเยือนสตอกโฮล์ม เพราะนอกจากสถาปัตยกรรมจะงามงดแล้ว ผู้คนและไลฟ์สไตล์ต่างๆ นั้นเปรี้ยวเก๋มีสไตล์ชนิดที่ใครมาแล้วจะต้องกลับมาเยือนอีกไม่รู้กี่ครั้ง ที่สำคัญสำหรับสาวๆ เมื่อมาสตอกโฮล์มจะต้องหลงรักหนุ่มตาน้ำข้าวกันเป็นทิวแถว เพราะเต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งบุคลิก ท่าทาง สไตล์การแต่งตัว ใบหน้าที่หล่อเหลา บวกกับเสน่ห์ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ นั่นคือ สายตาอันเย้ายวนและคำพูดที่หวานนุ่มจนคุณแทบใจสลายเมื่อเข้าไปประชิด
โรงแรมที่พักในสตอกโฮล์มก็มีให้เลือกมากมาย ทั้งราคาย่อมเยาไปจนถึงแพงระยับ หรือจะเลือกแบบติสต์ๆ ดิบๆ มีสไตล์หน่อยก็หาไม่ยาก แต่ครั้งนี้ผมเลือกเช็กอินที่โรงแรมนอบิส (Nobis) ตั้งอยู่ในย่านชอปปิ้ง เดินทางไปไหนมาไหนมาสะดวกง่ายดาย ที่สำคัญบูติกโฮเต็ลแห่งนี้มีคลับและบาร์อยู่ชั้นล่างด้วย ซึ่งเป็นแหล่งรวมของเหล่าศิลปินหลากหลายแขนงในสตอกโฮล์มมาอัปเดตเรื่องราวความเป็นไปในสังคม และอินไปพร้อมกับเครื่องดื่มเคล้าเสียงเพลง
สำหรับเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้เลยเมื่อมาสตอกโฮล์ม ก็คือ ค็อกเทลสูตรเริ่ดๆ จาก “แอบโซลูต วอดก้า” (Absolut Vodka) เพราะที่สวีเดนคือต้นกำเนิดของวอดก้าระดับตำนานนี้ และเป็นวอดก้าอันดับหนึ่งของโลกที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกมากที่สุดของประเทศสวีเดน และขึ้นชื่อว่ามีกระบวนการผลิตที่สมบูรณ์แบบภายใต้คอนเซ็ปต์ One Source เพราะว่าวัตถุดิบที่เขานำมาผลิตทั้งหมดมาจากที่เดียวกัน อยู่ใน “เมืองโอฮุส” (Åhus) ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศสวีเดนและเป็นบ้านเกิดของผู้ให้กำเนิดแอบโซลูต วอดก้า อย่าง “ลาร์ส โอลสัน สมิธ” (Lars Olsen Smith) ที่ภายหลังได้รับการขนานนามว่าเป็น ราชาแห่งวอดก้า ดังนั้น ทุกหยดของแอบโซลูต วอดก้า จึงสามารถรับประกันได้ถึงคุณภาพและได้มาตรฐานเท่าเทียมกัน
ไหนๆ ได้เอ่ยถึงแอบโซลูต วอดก้าแล้วก็อยากจะเล่าต่อ เพราะกระบวนการผลิตและที่มาของแบรนด์นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ประกอบด้วย Winter Wheat ถึง 120,000 ตันต่อปี มาเป็นหนึ่งวัตถุดิบหลักในการผลิต ซึ่งมีการพิสูจน์มาหลายศตวรรษแล้วว่า Winter Wheat นี้สามารถกลั่นออกมาเป็นวอดก้าได้ดีที่สุด เนื่องจาก Winter Wheat จะกักเก็บความอุดมสมบูรณ์เอาไว้อย่างหนาแน่นในช่วงฤดูหนาว
เมื่อเก็บเกี่ยวก็จะได้ความอุดมสมบูรณ์เหล่านั้นมาใช้เป็นส่วนประกอบของการผลิตแอบโซลูต วอดก้า ทุกขวด เมื่อได้ Winter Wheat คุณภาพสูงมาแล้วจึงนำมากลั่นรวมกับวัตถุดิบสำคัญ นั่นคือ น้ำบริสุทธิ์ จากแหล่งน้ำขนาดใหญ่สุดทางตอนเหนือของยุโรป ซึ่งไหลผ่านใต้โรงกลั่นในเมืองโอฮุส (Åhus) และผ่านการกรองจากชั้นหินมานานกว่า 40,000 ปี
ดังนั้น ในแต่ละขวดของแอบโซลูต วอดก้า จึงประกอบไปด้วยน้ำบริสุทธิ์ถึง 60% โดยผ่านกระบวนการกลั่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตและเป็นเอกลักษณ์ของแอบโซลูต วอดก้า เสมอมา เพื่อให้ได้สินค้าที่มีความบริสุทธิ์ด้วยขั้นตอนการกลั่นแบบต่อเนื่อง และได้วอดก้าที่มีคุณภาพสูงและเป็นพรีเมียมวอดก้าที่สมบูรณ์แบบ และไม่มีการใส่สารเคมีหรือน้ำตาล เรียกได้ว่าเป็นวอดก้าคุณภาพสูงที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% ที่สำคัญที่สุดและขาดไม่ได้เลยก็คือ ทุกขวดของแอบโซลูต วอดก้า จะทำความสะอาดด้วยสิ่งที่เชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ที่สุดนั่นคือ แอบโซลูต วอดก้า ก่อนที่จะบรรจุจริงนั่นเอง
ด้วยความที่แอบโซลูต วอดก้า ก่อนหน้าที่จะขายกิจการให้กับบริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด เป็นของรัฐบาลกลางสวีเดน ดังนั้น การทำการตลาดของแอบโซลูตจึงผูกโยงเข้ากับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ แฟชั่น และดนตรี เข้าไว้ด้วยกัน เพราะเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมให้ชาวสวีดิชและแฟนตัวจริงของแอบโซลูต วอดก้ามีรสนิยมในการใช้ชีวิต โดยต่อมามีตลาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ในสหรัฐอเมริกา
โดยในปี 1979 แอบโซลูต วอดก้า ตัดสินใจวางขายในสหรัฐอเมริกา นับเป็นการตั้งเป้าหมายที่สูงมาก เพราะตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันตก และมีการแข่งขันสูง อีกทั้งในระยะแรกผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกายังไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร เนื่องจากมีการจัดจำหน่ายวอดก้าซึ่งเป็นชื่อในภาษารัสเซียในตลาดสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว
แต่ทางแอบโซลูต วอดก้า เห็นถึงข้อดีที่ว่าคนจำนวนหนึ่งไม่ต้องการทำตามกระแส ต้องการใช้สินค้าที่มีคุณภาพสูงและเหตุผลทางการเมืองในยุคนั้นที่ไม่มีใครอยากเอ่ยถึงประเทศรัสเซียเท่าไร จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ โดยแอบโซลูต วอดก้า ขวดแรกถูกจัดจำหน่ายที่เมืองบอสตัน ตามมาด้วยที่นิวยอร์ก ชิคาโก ลอสแองเจลิส และซานฟรานซิสโก ทำให้ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี แอบโซลูต วอดก้า มีวางจำหน่ายใน 18 ประเทศทั่วโลก และในปี 1985 สามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
และในอีก 25 ปีต่อมาแอบโซลูต วอดก้า กลายเป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก จนในปี 2002 นิตยสารฟอร์บส์ ยกย่องแอบโซลูต วอดก้า ให้เป็นสินค้าที่มีความหรูหราอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย
แอบโซลูต วอดก้า มีหลากหลายรสชาติให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Absolut Peppar มีความหอมเจือความเผ็ด ที่มาจากพริกตระกูลพริกชี้ฟ้าและพริกเขียวเม็กซิกัน Jalapeno, Absolut Citron ทำจากผลไม้รสเปรี้ยว โดยมีเลมอนเป็นส่วนผสมหลัก อีกทั้งยังมีส่วนผสมของผลไม้รสเปรี้ยวอื่นๆ เพื่อรสชาติที่เข้มข้นขึ้น รสชาติที่โดดเด่นของวอดก้า ซึ่งเหมาะแก่การทำค็อกเทลชื่อดังที่เกิดมาพร้อมๆ กันนั้นคือ Cosmopolitan, Absolut Kurant ทำจากลูกแบล็กเคอเรนต์ ซึ่งเป็นพืชตระกูลใกล้เคียงกับองุ่น ให้ความหอมของลูกเบอร์รีพร้อมรสชาติของแบล็กเคอเรนต์ที่เจือด้วยรสฝาดและหวานเข้าด้วยกัน
หรือจะเป็น Absolut Mandrin ทำจากผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยว โดยมีส้มแมนดารินและส้มเขียวหวานเป็นส่วนผสมหลัก แต่มีส่วนผสมของผลไม้เปรี้ยวอื่นๆ เพื่อให้รสชาติเข้มข้นขึ้น, Absolut Vanilla ทำจากวานิลลาธรรมชาติ โดยใช้ทั้งฝักวานิลลาเพื่อความเข้มข้น ABSOLUT VANILlA เจือด้วยบัตเตอร์สก็อตช์ และดาร์กช็อกโกแลต, Absolut Rasberri และอื่นๆ ที่หาซื้อได้ทั่วไปในเกือบทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งแอบโซลูต วอดก้า นั้นถือว่าเป็นผู้บุกเบิกการทำ Flavored Vodka โดย Absolut Peppar คือ Flavored Vodka อันแรกเพื่อใช้ในการทำค็อกเทลชื่อดังที่ได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันนั้น คือ Bloody Marry นั่นเอง
ต้องนับถือแอบโซลูต วอดก้า จริงๆ เพราะในปี 1985 เขาได้ร่วมงานกับศิลปินระดับโลกอย่าง “แอนดี้ วอร์ฮอล” ศิลปินแนวป็อปอาร์ตที่เข้ามาช่วยสร้างสรรค์ผลงานศิลปะให้กับโฆษณา ซึ่งสิ่งที่ทำให้วอร์ฮอล์ยอมรับงานนี้อย่างเต็มใจคือการที่เขามองเห็นงานศิลป์ที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงที่น่าดึงดูดใจของรูปทรงของขวดแอบโซลูต วอดก้า จากนั้นไม่นานศิลปินอีกมากมายต่างเข้ามาร่วมออกแบบสร้างสรรค์ผลงานต่อจากเขา ไม่ว่าจะเป็น “คีธ แฮริ่ง, เคนนี สคาร์ฟ และศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน จนต่อมาในปี 1988 ศิลปินมากมายจากทั่วทุกมุมโลกต่างสมัครใจที่จะมารังสรรค์ผลงานร่วมกับแอบโซลูต วอดก้า โดยมีการใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบ
อาจกล่าวได้ว่าแอบโซลูต วอดก้า เริ่มแพร่หลายในโลกศิลปะจนถึงวันนี้ จนสามารถเก็บรวบรวมภาพศิลปะร่วมสมัยได้มากมายจากศิลปินมากกว่า 400 ท่าน ซึ่งไม่ได้มีเพียงศิลปะการใช้สีเท่านั้น แต่ยังมีผลงานภาพถ่าย งานปั้น งานแก้ว งานไม้ งานศิลปะพื้นบ้าน งานศิลปะดิจิตอล คอมพิวเตอร์อาร์ต และงานประเภทอื่นๆ ครอบคลุมทุกแขนง
นิทรรศการแอบโซลูต อาร์ต ยังจัดแสดงทุกแห่งทั่วโลก โดยทำงานร่วมกับคูเรเตอร์ส รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ เพื่อติดต่อศิลปินต่างๆ ที่จะมาสร้างสรรค์ผลงานต่อไป รวมถึงจัดงานด้านศิลปะในทุกประเทศที่เราเข้าไปทำงานด้วย อย่างในปี 2003 แอบโซลูต วอดก้า ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในฐานะผู้จัดงานอย่างเป็นทางการที่งาน “The Venice Blennale With Absolut Generations” โดยครั้งนั้นมีศิลปินที่เคยร่วมงานกับแอบโซลูต วอดก้า มาแล้วทั้งหมด 13 ท่าน ที่นำผลงานซึ่งคัดสรรไว้มาจัดแสดงนิทรรศการภายในงานด้วย
ล่าสุดนี้ แอบโซลูต วอดก้า มีการเปิดตัวแคมเปญใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นการพลิกโฉมแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Transform Today” ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นและสร้างพลังให้คนยุคใหม่ลุกขึ้นมาปลดแอกให้ตนเป็นอิสระจากความคิดในกรอบเดิมๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชื่อและปรัชญาใหม่ของแบรนด์ที่ว่า วันพรุ่งนี้ไม่ได้ถูกกำหนดมาโดยโชคชะตา แต่วันพรุ่งนี้มีไว้ให้ทุกๆ คนสร้างขึ้นด้วยตัวของตัวเองนั่นเอง
ในแคมเปญนี้แอบโซลูต วอดก้า ร่วมงานกับ 4 อาร์ทิสต์ชั้นนำ ได้แก่ Woodkid, Aaron Koblin, Rafael Grampa และ Yiqing Yin เพื่อร่วมกันอธิบายความหมายของคำว่า “Transform Today” และสื่อสารสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ผ่านกระบวนการแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งตัวบุคคลและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยมีการเปิดตัวอาร์ทิสต์ทั้ง 4 อย่างเป็นทางการผ่านภาพยนตร์สั้น 4 เรื่อง เพื่อแนะนำตัวอาร์ทิสต์แต่ละท่านและความหมายของ Transform Today ของแต่ละคนในมุมต่างๆ เมื่อเดือนกันยายน 2013
ด้านแฟชั่น ในปี 1988 แอบโซลูต วอดก้า เริ่มมีการนำแฟชั่นมาใช้ในงานโฆษณา ภายใต้แคมเปญ “Absolut Cameron” ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ต่อมาในปี 1997 มีการนำโฆษณา “Absolut Versace” ออกเผยแพร่โดยมี “เคต มอสส์, นาโอมิ แคมป์เบลล์, มาร์คัส เชนเกนเบิร์ก” และ “มาร์ก ฟินด์เลย์” รวมถึงมีการนำประติมากรรมน้ำแข็งของโรงแรมน้ำแข็งใน “Jukkasjärvi” ประเทศสวีเดน มาประกอบงานโฆษณาของ Absolut Versace ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนทำให้ได้รับการตีพิมพ์ถึง 3 ครั้งในนิตยสารโว้ก และถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
นอกจากเวอร์ซาเช่แล้ว แอบโซลูต วอดก้า ยังได้ร่วมงานกับดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง ทอม ฟอร์ด, สเตลล่า แม็กคาร์ตนีย์ และฌอง ปอล โกลติเยร์ อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่แอบโซลูต วอดก้า ปฏิบัติมาโดยตลอดนั้น มิใช่เพียงการร่วมมือกับศิลปิน ดาราในปัจจุบัน หากแต่ยังเปิดโอกาสให้กับบุคคลที่มีความสามารถพิเศษเข้าร่วมงานด้วยเสมอมา
หรือแม้แต่เรื่องของเสียงเพลง แอบโซลูต วอดก้า ก็ยังก้าวเข้าสู่โลกของเสียงเพลงอย่างเต็มตัว ทั้งการเข้าไปมีส่วนร่วมของคลับดังมากมายในนิวยอร์ก จนกลายเป็นเครื่องดื่มที่นิยมของหนุ่มสาวในแต่ละยุคเสมอมา นอกจากนั้นยังได้ร่วมงานกับศิลปินดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “เลนนี กราวิตซ์” ในการทำแคมแปญด้านดนตรี และเข้าถึงกลุ่มคนรักดนตรีอย่างแท้จริง และในปี 2013 ได้ร่วมงานกับวงดังอย่าง “สวีดิช เฮาส์ มาเฟีย” กับซิงเกิลฮิต อย่าง “Greyhound” อีกด้วย และการเป็นส่วนหนึ่งของวงการดนตรีของแอบโซลูต วอดก้า ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นเครื่องตอกย้ำถึงรสนิยมในการดื่มวอดก้าระดับตำนานอย่าง แอบโซลูต วอดก้า ได้เป็นอย่างดี จึงต้องมีเรื่องของศิลปะ แฟชั่น และดนตรี เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นและสร้างพลังให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาปลดแอกตัวเองให้มีความอิสระจากความคิดในกรอบเดิมๆ :: Text by FLASH
Comments are closed.