คอลัมน์ : Nature Impressions โดย แอชลีย์ วินเซนต์
>>>เมื่อผมเดินทางมาถึงเมืองไทยเป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ 1990 ผมพกเอาความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นแบบนักผจญภัยมาด้วยอย่างเต็มเปี่ยม ผมต้องขอยอมรับก่อนนะครับว่า ตอนนั้นผมรู้เรื่องเมืองไทยน้อยมาก ผมไม่เคยรู้จักคนไทย และไม่เคยรู้จักขนบธรรมเนียมใดๆของคนไทยมาก่อนเลย
ก่อนหน้านั้น ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอิสราเอลเป็นเวลาประมาณเก้าปี เคยได้เห็นความหลากหลายของขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ เคยได้ลองชิมอาหารที่มีรสชาติแตกต่างแปลกลิ้นหลายอย่าง และเมื่อมาถึงประเทศไทย ผมจึงไม่ได้รู้สึกแปลกมากมาย อย่างที่นักเดินทางที่มาจากตะวันตกหลายคนมักจะรู้สึกเมื่อต้องเดินทางออกจากยุโรปเป็นครั้งแรก
สองอาทิตย์แรกในเมืองไทย ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจ และตื่นเต้นกับทุกอย่าง ผมสัมผัสได้ถึงความแตกต่างรอบข้าง แต่ก็รู้สึกเหมือนคุ้นเคยมาก ผมหลงเสน่ห์แผ่นดินนี้ รู้สึกรักเมืองไทยทันที
มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นในประเทศนี้ ที่ผมยอมรับไม่ได้ นั่นก็คือ “ผักชี” ผมไม่ชอบทั้งกลิ่นและรสของมัน ผมพยายามมาแล้วเกือบ 23 ปี แต่ก็ยังทนผักชีไม่ได้ นอกเหนือจากนั้นแล้ว ผมรักแทบจะทุกอย่างที่เป็นของไทยครับ
หลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยแล้ว ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวเยี่ยมชมประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ตั้งอยู่โดยรอบทั้งหมด ผมยิ่งเกิดความซาบซึ้งต่อประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ผมได้เห็นความเป็นเอกลักษณ์อันชัดเจนของคนไทย ที่ไม่ว่าจะยากดีมีจนแค่ไหน คนไทยทุกคนต่างก็มีความภาคภูมิใจต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง
ประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องที่ผมให้ความสนใจไม่น้อยเช่นกันนะครับ ผมได้อ่านประวัติศาสตร์ของชาติไทยมาหลายเล่ม ผมรู้สึกซาบซึ้งใจในพระมหากรุณาธิคุณ ประทับใจในพระปรีชาสามารถ และความเสียสละใหญ่หลวงของพระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์
ผมอ่านพบว่า เนื่องด้วยการตัดสินพระทัยอันชาญฉลาดและการมองการณ์ไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ที่ทรงใช้นโยบาย “ผ่อนสั้น ผ่อนยาว” ยอมทำการค้ากับต่างประเทศหลายแห่งจนทำให้เมืองไทยสามารถรักษาเอกราชไว้ได้ ท่ามกลางยุคล่าเมืองขึ้นของนานาประเทศมหาอำนาจ เราเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดเลย
หลายคนคงจะกำลังคิดว่าผมหลงประเด็นไปแล้วหรือเปล่า บทความของผมโชว์รูปภาพของสัตว์ ทำไมไม่คุยเรื่องสัตว์เหมือนเคย ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมแค่กำลังจะปลุกความรู้สึกที่น่าภูมิใจอีกอย่างในมรดกของชาติให้คนไทยได้รับรู้ และมันคือเรื่องราวของ “เสือลายเมฆ” ครับ
ผมเชื่อว่า ตอนนี้คงจะมีคนรู้จักเสือลายเมฆกันเพิ่มมากขึ้น (ในสายตาของผม..มันเป็นแมวที่งามที่สุด) เมื่อก่อนนี้ ผมจะได้ยินบ่อยครั้งจากคนที่ดูภาพถ่ายของผมว่า
“นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพและรู้เรื่องเสือลายเมฆ”
หลายคนแปลกใจด้วยซ้ำเมื่อรู้ว่า เสือลายเมฆนี่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองไทย สัตว์สายพันธุ์นี้ เคยมีอยู่ในอีกหลายประเทศเลยล่ะครับ ไล่มาตั้งแต่ตีนเทือกเขาหิมาลัย เรื่อยมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจนถึงเมืองจีน
ที่พวกเรารู้เรื่องของเสือลายเมฆกันน้อยเหลือเกิน เนื่องด้วยพวกมันเป็นสัตว์ที่รักสันโดษมาก การที่จะค้นพบหรือศึกษาพฤติกรรมของมันที่อยู่กันตามธรรมชาติทำได้แสนยาก โชคยิ่งไม่เข้าข้างนัก ที่หนังสือสิ่งพิมพ์หรือสารคดีทั้งหลายที่ให้ความรู้เรื่องชีวิตสัตว์ป่า ต่างก็สนใจที่จะลงทุนและศึกษาชีวิตของสัตว์ที่สามารถเก็บภาพจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติของสัตว์แต่ละชนิดได้เท่านั้น พวกเราก็เลยยังไม่ได้เห็นหนังสือหรือสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับเสือลายเมฆอย่างจริงจังเลย
ความเป็นจริงอันแสนเศร้า ที่ยืนยันว่าต้องยังมีเสือลายเมฆหลงเหลืออยู่บ้างในป่า ก็คือตอนที่เราได้ฟังข่าวว่า มีการซื้อขายชิ้นส่วนของเสือเพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบของยา มีตลาดหลายแห่งตามแนวชายแดนของจีน พม่า และไทย เอาหนังของเสือลายเมฆออกมาวางขาย ถึงแม้เสือลายเมฆจะถูกระบุให้เป็น “สัตว์คุ้มครอง” แต่เราก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการลักลอบล่าและการค้าอย่างผิดกฎหมายได้โดยเด็ดขาด
ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ ว่าประชากรของเสือลายเมฆจะยังคงมีเหลืออยู่เท่าไหร่ในป่า ไม่มีการเก็บบันทึกเป็นข้อมูล ที่ได้ทำแล้ว คือจัดลำดับสถานะการอนุรักษ์ให้เสือลายเมฆเป็น “สิ่งมีชีวิตที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ (VU)”
เราไม่สามารถให้ความคุ้มครองพวกมันได้เลยเมื่อมันอยู่กันเองตามธรรมชาติ จึงได้เกิดมีการก่อตั้งศูนย์อนุรักษ์และโครงการแพร่พันธุ์เสือลายเมฆขึ้นมา มันเป็นโครงการที่ผมอยากจะให้คนไทยทุกคนได้ร่วมภาคภูมิใจไปด้วย เนื่องจากมันเป็นโครงการสำคัญที่ถูกจัดตั้งขึ้นในเมืองไทย ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ในปี ค.ศ 2002 องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์แห่งประเทศไทยได้จับมือกับสถาบันสมิธโซเนียน(วอชิงตัน ดี ซี), สวนสัตว์แนชวิล (แทนเนสซี่) และสวนสัตว์เลทเตอร์พอยน์ดิไฟน์(วอชิงตัน สเตท) ร่วมกันจัดตั้ง โครงการแพร่พันธุ์เสือลายเมฆ ขึ้นมา และ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ซึ่งเป็นสวนสัตว์เปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานที่ดำเนินงานโครงการนี้เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุด
จนถึงปัจจุบัน มีลูกเสือลายเมฆทั้งหมดที่เกิดจากโครงการนี้ถึง 53 ตัว และสวนสัตว์เปิดเขาเขียวก็ได้รับการชื่นชมและการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นแหล่งอนุรักษ์เสือลายเมฆที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
อย่างที่เคยมีการตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เสือลายเมฆนั้นรักสันโดษและขี้อายมาก และถึงแม้มันจะเป็นสัตว์นักล่าเหมือนกัน แต่ในป่าที่เคยเป็นที่อยู่ตามธรรมชาติของมัน เสือโคร่งจะเป็นนักล่าที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุด เชื่อกันว่าเสือโคร่งคงจะล่าเสือลายเมฆ(เพราะตัวเล็กกว่ามาก)เป็นอาหารด้วย พวกเสือลายเมฆจึงมีแนวโน้มที่จะเครียดได้ง่ายมากเมื่อได้ยินเสียงแปลกหู
ความเครียดของสัตว์ จะส่งผลทางลบต่อการแพร่พันธุ์มาก ด้วยเหตุผลหลักเหล่านี้ ทางสวนสัตว์จึงไม่สามารถนำเสือลายเมฆออกมาแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมตัวจริงได้ จึงไม่ค่อยมีคนรู้หรือนึกถึงโครงการนี้มากนัก
อาทิตย์นี้ ผมเอาภาพถ่ายของเสือลายเมฆที่อยู่ในโครงการมาแบ่งปันให้ทุกท่านได้ชมกัน ตามลำดับเลยนะครับ (1) “แม็คซิมาส” คือชื่อของมันครับ เป็นตัวผู้ เกิดเมื่อ 30 สิงหาคม ค.ศ.2006, (2) ตัวนี้ชื่อ“เจ้านาย” ตัวเมีย เกิดเมื่อ 24 มิถุนายน ค.ศ.2006 ,(3) เจ้าตัวนี้ “ลายไทย” ตัวผู้ เกิดเมื่อ 11 เมษายน ค.ศ.2010 มันเป็นลูกชายของ “แม็คซิมาส” และ (4) “เส้นเล็ก” ตัวเมีย เกิดเมื่อ 24 มกราคม ค.ศ.2010
“เส้นเล็ก” ถูกเลี้ยงให้อยู่ในกรงที่มีทางเชื่อมต่อกับกรงของ “ลายไทย” พวกเราหวังว่าเมื่อถึงฤดูติดสัด เส้นเล็กจะยอมให้ลายไทยจับคู่กับมัน
ผมรู้สึกเป็นเกียรติ์และมีความสุขมากที่รับอนุญาตจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียวให้คอยตามเก็บภาพของเสือลายเมฆ ผมได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ เนื่องจากเป็นอาสาสมัครคอยช่วยงานในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว คอยเก็บภาพถ่ายบันทึกเพื่อเป็นข้อมูลของสัตว์แรกเกิดหลายชนิดด้วยครับ
ผมหวังให้ภาพถ่ายของผมสร้างความประทับแก่ใครสักคน จนเกิดเป็นความตระหนักรู้ถึงสิ่งมีชีวิตที่สวยงามร่วมโลกเหล่านี้ของพวกเรา ผมอยากจะมีส่วนร่วม อยากจะช่วยสวนสัตว์เปิดเขาเขียวทำอะไรสักอย่างเพื่อเสือลายเมฆ สัตว์ที่ผมรู้สึกรักใคร่เหลือเกิน อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้ ผมก็จะพยายามนำความงามและเรื่องราวของพวกมันออกมาบอกเล่าให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในวงกว้าง
ผมหวังเหลือเกินว่างานที่ผมสร้างสรรค์ขึ้นมาจะถูกใจใครสักหลายคน ผมหวังให้ความงามและเรื่องราวของเสือลายเมฆสามารถร้องเรียกความภาคภูมิใจของคนไทยที่ควรมีต่อมรดกแห่งธรรมชาติที่เคยดำรงอยู่ในแผ่นดินนี้ได้กลับคืนมา
ขอบคุณมากนะครับที่เข้ามาเยี่ยมชมคอลัมน์ของผม ผมขอขอบคุณเป็นพิเศษ ต่อท่านที่กรุณาฝากคอมเม้นท์ให้กำลังใจต่องานที่ผมทำอยู่ ทุกกำลังใจเป็นยิ่งกว่าน้ำทิพย์ที่ชโลมบำรุงหัวใจของผมเลยล่ะครับ ผมขอให้ทุกท่านมีความสุขกับชีวิตและขอให้มีรอยยิ้มกันเสมอนะครับ พบกันใหม่อาทิตย์หน้า
รู้จัก…แอชลีย์ วินเซนต์
ชาวอังกฤษเชื้อสายอิสราเอล ที่ผันตัวเองจากการทำธุรกิจด้านเรียลเอสเตท มาทำงานเป็นช่างภาพถ่ายภาพสัตว์ป่าอย่างเต็มตัว เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ปัจจุบัน นอกจากเปิดร้าน Nature Impressions จำหน่ายผลงานของตัวเอง ณ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่กล่าวกันว่า เป็นสวนสัตว์เปิดที่ใหญ่อันดับ 1 ของโลก เขายังทำงานให้กับสวนสัตว์แห่งนี้ ในฐานะอาสาสมัครเก็บภาพสัตว์ป่าไปพร้อมกันด้วย
ล่าสุดผลงานภาพถ่าย “บุษบา” เสือโคร่งเพศเมีย ถ่ายจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เพิ่งได้รับการประกาศให้เป็น สุดยอดภาพถ่าย National Geographic 2012
เสมือนบอกย้ำให้กำลังใจช่างภาพหลายๆ คนว่า “ภาพถ่ายสัตว์ป่าที่ดี ไม่ต้องไปถึงเคนยา”
ติดตามอ่าน …Nature Impressions โดย แอชลีย์ วินเซนต์ ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW เซกชัน Celeb Online www.astvmanager.com และ M-Art eye view เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: [email protected]
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
Comments are closed.