Advice

เคล็ดลับลดรอบเอว

Pinterest LinkedIn Tumblr


สาวคนไหนกำลังคิดจะรัดเข็มขัด… อ๊ะ อ๊ะ…ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจยุคนี้ต้องประหยัด… แต่เป็นรัดเข็มขัดโชว์เอวคอดกิ่ว ตามเทรนด์แฟชั่นปีนี้ตะหาก
ปัญหาก็คือ พอตั้งท่าจะรัดเข็มขัด กลับหาเอวไม่เจอ เพราะรอบเอวขยายใหญ่ ไล่ตามขนาดสะโพกมาติดๆ ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ เพราะไขมันรอบเอวหรือรอบพุงนั้น ก่อให้เกิดอันตรายกับสุขภาพได้ค่ะ
อันที่จริงไขมันนั้น ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของร่างกาย ถ้าลองมีมากเกินไป ก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละค่ะ แต่ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณช่วงเอวนั้น จะสลายตัวเป็นกรดไขมันอิสระ ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้หากสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จะเข้าไปในหลอดเลือดทั่วร่างกาย ส่งผลเสียต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกาย ทำให้คนที่อ้วนลงพุง มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และโรคเบาหวานได้มากกว่าคนปกติ
ทีนี้ถ้าไม่แน่ใจว่าขนาดรอบเอวของเรา ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน หรือว่าเข้าข่ายอ้วนลงพุงไปซะแล้ว ก็ให้ลองวัดรอบเอวดู โดยขนาดมาตรฐานของรอบเอวในคนเอเชียคือ
ผู้หญิงไม่ควรเกิน 32 นิ้ว หรือ 80 ซม.
ผู้ชายไม่ควรเกิน 36 นิ้ว หรือ 90 ซม.

ถ้าขนาดรอบเอวของใครยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ แต่ถ้าเอวหรือพุงของใครล้ำหน้าไปไกลแล้วล่ะก้อ คุณควรจะเริ่มต้นลดน้ำหนัก โดยการควบคุมชนิดและปริมาณของอาหารให้ลดลงได้แล้วนะคะ
และนี่คือเคล็ดลับง่ายๆ ในการลดปริมาณอาหารที่จะรับประทานในแต่ละมื้อ สำหรับสาวๆ หนุ่มๆ ทุกคนค่ะ


1. กินผลไม้หรือถั่วก่อนกินมื้อเย็น การที่เรารู้สึกหิว อยากกินอาหารนั้น เกิดจากการกระตุ้นของฮอร์โมนที่มีชื่อว่า เกรลิน (Ghrelin) ฮอร์โมนเกรลินจะถูกหลั่งออกมาก่อนมื้ออาหาร และเมื่อเราเริ่มกินอะไรเข้าไป ระดับของฮอร์โมน “กระตุ้นความหิว” ตัวนี้ ก็จะค่อยๆ ลดลง
ดังนั้นการกินอะไรเบาๆ เช่น แอปเปิ้ลซัก 1 ลูก หรือถั่วลิสงซัก 1 กำมือ ล่วงหน้าซักครึ่งชั่วโมงก่อนถึงมื้อเย็น จะช่วยให้เมื่อถึงเวลาต้องกินอาหารเย็นจริงๆ เราจะไม่รู้สึกหิวมากนัก เพราะระดับของฮอร์โมนเกรลินเริ่มลดลงแล้ว ทำให้เรากินน้อยลงได้
2. อย่าดื่มน้ำอัดลมระหว่างกินอาหาร ฮอร์โมนที่ควบคุมความรู้สึกหิว-อิ่ม ที่คู่กับเกรลินก็คือ
เลปติน (Leptin) เลปตินเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณความอิ่มไปให้สมองรับรู้ แต่รู้หรือไม่ว่า น้ำตาล
ฟรุคโตสในน้ำอัดลมนั้น จะเป็นตัวรบกวนกระบวนการส่งสัญญาณ “ความอิ่ม” นี้ ทำให้สมองไม่สามารถรับสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นถ้าใครอยากรู้สึกอิ่มเร็วในแต่ละมื้อ หันมาดื่มน้ำเปล่าจะดีกว่าค่ะ
3. เริ่มต้นมื้อเช้าด้วยอาหารที่มีกากใยสูง เพราะอาหารพวกนี้มีเส้นใยและโมเลกุลซับซ้อน เมื่อเรากินอาหาร hi-fiber เข้าไป ร่างกายจะต้องใช้เวลานานเพื่อที่จะย่อยและดูดซึมสารอาหาร ผลลัพธ์ก็คือ เราจะรู้สึกอิ่มนานขึ้น ไม่หิวโหยหรืออยากกินอาหารก่อนถึงมื้อเที่ยง (โดยเฉพาะตอน 11 โมง) นอกจากนี้ กากใยจะไปขัดขวางการดูดซึมไขมันที่ลำไส้เล็กด้วยค่ะ ซึ่งอาหารที่มีกากใยสูงก็ได้แก่พวกธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ถั่วทั้งหลาย ข้าวโพด หรือผักที่อยู่ในดินและบนดิน เช่น แครอต บร็อคโคลี่ มะเขือยาว แตงต่างๆ หรือผลไม้ เช่น พรุน แอปเปิ้ล แก้วมังกร ส้ม ฝรั่ง เป็นต้น


4. เคี้ยวอาหารช้าๆ ใช้เวลาเคี้ยวประมาณ 25-30 ครั้ง ต่อ 1 คำ เพื่อส่งความรู้สึกอิ่มให้สมองรับรู้ การที่เราจะรู้สึกอิ่มนั้น เป็นผลมาจากการที่สมองได้รับสัญญาณจากเลปตินเพิ่มขึ้น และจากเกรลินลดลง ซึ่งกว่าที่ระดับของฮอร์โมนทั้ง 2 ตัวนี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 15-30 นาที ดังนั้นควรใช้เวลาในการเคี้ยวอาหารแต่ละคำนานๆ เพื่อยืดระยะเวลาการรับประทานในแต่ละมื้อออกไปให้ได้ 15-30 นาที
เป็นอย่างไรคะ เคล็ดลับง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้ เมื่อลดอาหารได้แล้ว อย่าลืมออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยนะคะ น้ำหนักจะได้ลดลงไว หุ่นจะได้เพรียว มีเอวกับเขาซะที แต่ถ้าหากปฏิบัติตามนี้แล้ว น้ำหนักก็ยังไม่ลด ส่วนเกินก็ยังอยู่ครบ ขอแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะสม อย่าซื้อยาลดความอ้วนมารับประทานเองนะคะ

โดย: พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง รมย์รวินท์คลินิก

Comments are closed.

Pin It