By Lady Manager
ฟังดู หน้ากลั๊วน่ากลัว..จะเอาเข็มเย็บผ้ามาจิ้มหน้าหรือเปล่านะ เจ้าวิธีการร้อยไหมละลายที่เค้าว่ากันว่าดีเลิศ สวยเซี๊ยะ เข็มที่ว่านี้จะสอยแทงลงไปในเนื้อนิ่มๆ ของเรา คงจะเจ็บจี๊ด เสียววาบน่าดู
การร้อยไหมละลาย เมนูสวยฮิตสุดฤทธิ์ ที่ได้ข่าวมาว่า ฮอตเหลือเกิน ทำให้หน้ากระชับ ริ้วรอยหายวับ แถมสาวแก้มยุ้ยทั้งหลายยังต้องพากันเก็บตังค์หยอดกระปุก หวังพึ่งนวัตกรรมร้อยไหมละลายกันเป็นแถว!
“ภาวะหน้ากาง การปรับหน้าเรียว มันมีปัญหาจากหลายสาเหตุ เราต้องแก้ให้ถูกจุด ถ้าไม่ถูกจุดจะไม่หายบาน”
น.พ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากเฮอร์ทิจูดคลินิก (Hertitude Clinic) หรือหมออาร์ม กูรูความงาม กล่าว
“สาเหตุแรกที่ทำให้หน้ากาง บาน คือ หนึ่ง-กระดูกใหญ่ กรณีนี้ต้องพึ่งคุณหมอศัลยกรรมผ่าตัดกระดูกออก
สาเหตุสอง-กล้ามเนื้อใหญ่ หลายๆ คนจึงนิยมไปฉีดโบท็อกซ์ (Botox)
สาเหตุสาม-อ้วนมากแก้มใหญ่ ไขมันเยอะ ต้องไปฉีดสลายไขมัน หรือดูดไขมันที่แก้มออก จึงจะหาย”
หมออาร์มย้ำว่า การร้อยไหมละลายเหมาะสำหรับสาวแก้มยุ้ย ไม่ใช่คนอ้วน!
“แต่การร้อยไหมเหมาะสำหรับคนที่สวยอยู่แล้ว แต่ต้องการความเพอร์เฟ็กต์มากขึ้น มีแก้มเล็กน้อย หน้าไม่ใหญ่มาก แต่ไม่ใช่คนอ้วน แต่ต้องเป็นคนมีแก้มยุ้ยๆ เท่านั้น
คนเราอายุประมาณ 30 เริ่มมีความหย่อนคล้อยของผิวเล็กน้อย ทำให้หน้าดูไม่เรียวเหมือนเดิมแล้ว ก็สามารถใช้ตัวไหมละลายช่วยยกกระชับผิวหน้า เพื่อให้หน้าดูเรียวเล็กขึ้นได้
จริงๆ แล้วผู้ที่สามารถทำการร้อยไหมละลายได้ ต้องมีอายุประมาณ 20 ขึ้นไป
กรณีแรกหากอายุประมาณ 20 -30 ปี กรณีนี้คืออายุยังน้อยอยู่ แต่ต้องการให้หน้าสมส่วน ให้หน้าดูเป็น V-SHAPE มากขึ้น ส่วนใหญ่จะมาทำด้วยเหตุผลที่ว่าอยากปรับหน้าเรียว อยากให้หน้าดูสมส่วน กระชับมากขึ้น
แต่หากอายุ 30 – 40 ปี ส่วนใหญ่จะมาทำเนื่องจากมีความหย่อนคล้อยเล็กน้อย ทำให้จากหน้าที่เคยเป็น V-SHAPE สวยงาม เริ่มกลายเป็น U SHAPE เริ่มคล้อยลงมา พอประมาณ 40-60 ส่วนใหญ่พวกนี้จะมีปัญหา เรื่องของร่องแก้ม ปัญหาร่องมุมปาก และมีปัญหาใต้คางเริ่มหย่อนคล้อย หรือปัญหาคิ้วตก ริ้วรอยต่างๆ แต่ไม่อยากจะฉีดโบท็อกซ์ ก็สามารถใช้วิธีการร้อยไหมละลายเพิ่มยกกระชับผิวได้
แต่กรณีที่สอง สำหรับอายุ 30-40 เริ่มมีความหย่อนคล้อยเล็กน้อย ต้องการให้หน้าตึงกระชับเหมือนเดิม
กรณีที่สาม คือ อายุประมาณ 40-60 คือ ความหย่อนคล้อยเริ่มเยอะ เริ่มมีเหนียง คางสองชั้น ร้องแก้ม ร่องใต้ตา คิ้วตก ก็เป็นการยกกระชับทั้งผิวหน้า
จริงๆ ช่วงอายุที่เห็นผลที่สุด ควรจะเป็นอายุประมาณ 30-50 ปี ถามว่า ทำไม
หนึ่ง คือ ผิวมีปัญหาให้เห็นได้ชัดแล้ว ว่าสมควรจะแก้ไข และคุณภาพผิวยังไม่ได้แย่มากเกินไป ไม่ได้หย่อนคล้อยมากจนกระทั่งเอาไม่อยู่
ถ้าถามว่าคนอายุ 70 มาร้อยไหมได้ไหม ร้อยได้ครับ แต่ถ้าเทียบกับคนอายุ 50 มันดีขึ้นไม่เหมือนกัน คนอายุ 50 จะต้องดีมากกว่า เพราะคนอายุ 70 ผิวสูญเสียคอลลาเจนไปเยอะ ความหย่อนคล้อยมีมาก ริ้วรอยมีเยอะ อาจจะเห็นผลได้ไม่มีเท่ากับคนอายุ 50 ฉะนั้นคนที่อายุเหมาะคืออายุ 30-50”
ไหมละลายตัวนี้เรียกว่า PDO Polydioxanone ซึ่งเป็นไหมที่เส้นเล็กมากแล้ว ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองทางผิวหนังน้อยมาก ไม่ทำให้เกิดแผลใต้ผิว หรือเป็นการอักเสบใต้ผิว คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีหลังจากการร้อยไหม ตัวไหมพอโดนน้ำจะถูกละลายไป น้ำจากใต้ผิวเรานั่นเอง เพราะใต้ผิวเราจะมีน้ำ 70% อยู่แล้ว พอโดนน้ำไหมจะละลายไปเรื่อยๆ
6-8 เดือนจะละลายแต่ไม่ได้หมายความว่าจะละลายไหมหมด ไหมจะดึงผิวขึ้นตามแนวแกนไหม พอเวลาผ่านไป 6- 8 เดือน ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนมาล้อมรอบแกนไหม แม้ว่าไหมจะละลายไปหมดแล้ว ก็ยังเหลือแนวแกนคอลลาเจน เพื่อดึงผิวอยู่ให้ผิวตึงนั่นเอง คอลลาเจนยังอยู่ถึง 2 ปี จึงไม่จำเป็นต้องร้อยไหมอีกเลยประมาณ 2 ปี
ถ้ารู้สึกว่าหลังจาก 2 ปี ผิวมีความหย่อนคล้อยกลับมา เราอาจจะกลับมาร้อยไหมเพิ่มได้”
*แอบส่อง*
ปฏิบัติการณ์ร้อยไหมละลาย
Before
น้องดี นางแบบอาสาสมัครในการร้อยไหมละลาย อายุ 25 ปีเท่านั้น หลายท่านคงสงสัยว่า นางจะร้อยไหมเพื่อ….
แต่สังเกตได้ว่า หน้าน้องเค้าสวยอยู่แล้ว เพียงแต่มีแก้มยุ้ย ทำให้หน้าดูไม่เรียว ไม่เป๊ะ ทำให้ดูแล้วรู้สึกว่า เอ๊ะ! ตกลงนางอ้วนหรือไม่อ้วนหากดูจากหน้า แต่หากดูจากรูปร่างแล้วไม่อ้วนเลย นางหุ่นดีด้วยซ้ำ แต่ทำไมดูหน้าแก้มยุ้ยล่ะ
แถมนางยังมีเหนียง เป็นคางสองชั้นเมื่อก้มหน้า และแอบมีร่องแก้มกรุบกริบเป็นร่องรอย นางจึงอยากให้หน้าสวยเป๊ะ! ดั่งใจฝัน
ปฏิบัติการแรก
->สะกิดยาชา
เริ่มต้นการร้อยไหมละลายด้วยการ มาส์คยาชา 20 นาที และใช้เข็มฉีดยาสะกิดยาชา บริเวณ sensitive เช่นบริเวณหน้าหู บริเวณแนวขากรรไกร เพื่อให้ไม่รู้สึกเจ็บ คุณหมออาร์มบอกว่า เป็นขั้นตอนที่เจ็บจี๊ดที่สุดมากกว่าการจิ้มเข็มร้อยไหมไปบนหน้าซะอีกแน่ะ
“ขั้นตอนนี้ หากฉีดยาชามากเกินไป อาจทำให้คนไข้หน้าบวมได้ สะกิดยาชา ฉีดข้างละ 2-3 จุด
เนื่องจากมีการใช้เข็มค่อนข้างเยอะ จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ฉะนั้นเวลาที่เราจะทำการร้อยไหมละลายจะต้องทำให้เป็นระบบ sterile คือ ระบบปราศจากเชื้อ รูปร่างของเข็มจะเป็นเหมือนปีกผีเสื้อ
ร้อยไหมตามทิศทางที่กำหนดไว้ อย่างคนไข้รายนี้ ร้อย 3 จุด บริเวณขากรรไกร หรือ jawline รวมทั้งหมด 20 เส้นด้วยกัน”
ปฏิบัติการจุดแรก
-> Jawline (แนวขากรรไกร)
“เพราะคนเราเวลาอายุมากขึ้นแนวขากรรไกรจะไม่ชัดขึ้น หน้าเด็ก สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ความยาวในการร้อยไหมละลายประมาณ 4-7 เซนติเมตร ช่วงแนวขากรรไกร
สังเกตที่ปลายเข็ม ลักษณะของเส้นไหมจะมีปลายโค้งงอ คล้ายตะขอเล็กน้อย พอเราร้อยไปใต้ผิว ตัวตะขอตัวนี้จะเกี่ยวผิวไว้ ทำให้สามารถสอดผิวไว้ใต้ผิวโดยไม่ต้องใช้การเย็บแบบวิธีการอื่นๆ
คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บนะครับ เพราะทายาชาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ลักษณะการร้อยเราจะร้อยระหว่างชั้นใต้ผิวหนังกับชั้นไขมัน เพื่อให้เกิดแรงดึงมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้เห็นผลการรักษาได้ดียิ่งขึ้น มากกว่า เทคนิคอื่นๆ
สังเกตได้ว่า พอเราเย็บไปแล้ว ผิวจะมีลักษณะบุ๋มลงไปเป็นจุดๆ จะทำให้เกิดการ Lifting Effect หรือ ว่า ผลของการยกผิวได้ดี
แค่เย็บไป 2 เส้น จะเห็นความแตกต่างระหว่างแก้มทั้งสองได้เลย สังเกตได้ว่า ข้างอีกแก้มจะยุ้ยกว่า” คุณหมออาร์ม กล่าว
ปฏิบัติการจุดที่สอง
->ร่องแก้ม
“แม้ว่า น้องดีจะอายุน้อยแต่มีร่องแก้ม เพราะพันธุกรรมจากรูปหน้าที่ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดร่องแก้มได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เราจึงต้องจัดการร่องแก้มเอาไว้เลย
บริเวณร่องแก้ม ร้อยแบบ Z SHAPE จะทำให้ร่องแก้มตึงขึ้น ความยาวในการร้อยไหมประมาณ 4 เซนติเมตร จะเห็นได้ว่าตึงกระชับขึ้นทันที แบบ Immediate Effect เกิดการตื้นขึ้นของร่องต่างๆ คุณหมอจะได้พยากรณ์ได้ว่า เมื่อเวลา 6-8 เดือน พอไหมละลายหายไปหมดแล้ว ร่องแก้มจะตื้นแบบนี้ แล้ว Jawline จะกระชับขึ้นแบบนี้
พอผ่านไป 2- 3 วัน อาการแบบนี้ อาจจะหายไปบ้าง พอผ่านไป 2 สัปดาห์คนไข้จะรู้สึกว่าผิวตึงมากกว่าวันแรกที่ร้อยมาอีก
ถ้าเป็นเด็กๆ แบบนี้ ประมาณ 1 เดือนจะเห็นผลชัดเจน แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า 30 – 50 ขึ้นไป บางทีอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า ประมาณ 2- 6 เดือน จะเห็นผลที่สวยงามเต็มที่
หลังจากร้อยไหมเสร็จแล้ว ต้องมาดูด้วยว่าทั้งสองข้างเท่ากันหรือยัง จะเห็นได้ว่า ร่องแก้มสองข้างเท่ากันเป๊ะเลย มุมปากจะเผยอเชิดขึ้น”
ปฏิบัติการจุดสุดท้าย
->เหนียง ใต้คาง
“เวลาน้องดีก้มหน้า จะสังเกตเห็นชัด คางสองชั้น ร้อยไหมจะช่วยเก็บคางสองชั้นให้ดูตึงขึ้น อย่างที่บอกนะครับไม่ได้เอาไว้สำหรับคนอ้วนมาเก็บคางสองชั้นนะครับ เอาไว้สำหรับคนอายุมากขึ้น หรือคนที่มีความหย่อนคล้อยของผิว แล้วเริ่มมีคางสองชั้นเล็กๆ เท่านั้น
วิธีการง่ายมาก คิดง่ายๆครับ หากเราต้องการจะทำให้คางไม่หย่อนย้อย เราจะต้องดึงชั้นที่ย้อยขึ้นให้กระชับจนเหลือคางชั้นเดียวนั่นเอง ด้วยการร้อยเป็นตาข่าย 3 เส้นสานเข้ากันเพื่อยกกระชับ
ไม่ต้องกลัวว่าจะเห็นรอย เพราะไม่มีเลย พอเราร้อยเสร็จจะมีเส้นไหมดันใต้คางไว้ไม่ให้ห้อยย้อยลงมา” หมออาร์ม กล่าว
-> หลังทำทันที
*ข้อปฏิบัติหลังร้อยไหม*
หมออาร์ม แนะวิธีการรักษารอยบวมแดง และอาการปวดหลังร้อยไหมว่า
“หลังจากร้อยไหมแล้ว เราจะมีการประคบเย็นให้คนไข้เพื่อป้องกันการบวมช้ำ แต่หากบวมช้ำเราจะมียาให้คนไข้ไปทานที่บ้านด้วย เพื่อช่วยลดการช้ำ ที่สำคัญ เนื่องจากมีการใช้เข็มค่อนข้างเยอะ เราจึงต้องให้ยาคนไข้ไปรับประทาน 3 ชนิดด้วยกัน
อย่างแรก จะเป็นยาลดอาการอักเสบและฆ่าเชื้อ ป้องกันการติดเชื้อไว้ก่อน เพราะเราทำเพื่อความสวยความงาม เราจึงไม่อยากจะให้มีการติดเชื้อใดๆ เกิดขึ้นเลย
อย่างที่สอง จะเป็นยาลดบวม ทำให้คนไข้หน้าบวมน้อยที่สุด เพื่อให้กลับไปประกอบกิจวัตรประจำวันทำงานต่อได้เลย
และสุดท้าย เป็นยาลดอาการปวด เนื่องจากจะมีอาการปวดน้อยมาก ทานพาราเซตามอลก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปกินยาแก้ปวดแรงๆ”
1 เดือนผ่านไป……
สวยเป๊ะ! หรือไม่ เราลองมาแอบส่องกัน ใครว่าไงบ้างจ๊ะ!
*ประชันโฉม ก่อนทำVS หลังทำ
คลิปร้อยไหมละลายเก็บเหนียงโดย น.พ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.