คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าชีวิตในโลกปัจจุบันมันซับซ้อนกว่าแต่ก่อนมาก ชีวิตเซ็กซ์ของเราก็เช่นกัน ทุกวันนี้เซ็กซ์เป็นกิจกรรมยอดนิยมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก มีตั้งแต่ความสัมพันธ์ระยะยาวไปจนถึงคู่รักคืนเดียว
โดยสรุปก็คือ เดี๋ยวนี้คนเรายอมขึ้นเตียงกับเพศตรงข้ามง่ายกว่าแต่ก่อน ปัญหาที่จะตามมาหลังมีเซ็กซ์จึงมากกว่าอดีตเยอะ เช่น ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อกามโรค การตั้งครรภ์อันไม่พึงปรารถนา หรือเจอกับพวกกามวิปริตที่อาจกลายเป็นเรื่องเศร้าสุดสยอง
เพราะฉะนั้น การถามไถ่กันก่อนตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องที่ควรทำ แม้บางคำถามอาจทำลายบรรยากาศอันแสนโรแมนติคลงไปก็ตาม ดีกว่าตามใจตัวเอง แล้วมานั่งเสียใจในภายหลัง และคำถามแรกสุดก็คือ
1. คุณแต่งงานแล้วหรือยัง?
นักแสดงและนักการเมืองอาจเก่งในเรื่องการแสดงลวงอย่างแนบเนียนสมบทบาท พวกเขาสามารถยกระดับการโกหกให้กลายเป็นศิลปะชั้นเซียนได้ แต่คนทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ คงไม่เก่งขนาดนั้น
จากการศึกษาวิจัยส่วนใหญ่ พบว่ามีเปอร์เซ็นต์การนอกใจคู่สมรสอยู่ประมาณร้อยละ15-70 มหาวิทยาลัยเท็กซัส สหรัฐอเมริกาศึกษาว่ามีตัวเลขอยู่ระหว่าง 40-76% เดือนมีนาคม 2008 โพลล์ของหนังสือพิมพ์ USA TODAY รายงานว่า ครึ่งหนึ่งของคนอเมริกันรู้จักใครบางคนที่นอกใจคู่สมรสของตัวเอง มันเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากโพลล์ปี 1964
อย่าคาดหวังว่าคู่รักของคุณจะป่าวประกาศว่าเขาหรือเธอแต่งงานแล้ว การหลอกลวงคือ รากเหง้าของการนอกใจ และแหวนแต่งงาน หรือภาพถ่ายครอบครัวมันซ่อนง่าย แต่คำถามซื่อๆ ตรงๆ คำถามเดียวมักจะบอกคุณได้ว่าเขาหรือเธอมีสถานะภาพโสดหรือไม่ ถ้าเขาหรือเธอไม่ได้เป็นนักโกหกมืออาชีพ
แน่ละ ทันทีที่ได้รับคำตอบ คุณก็ยังมีทางเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปได้ คำว่า “ผู้บรรลุนิติภาวะ” หมายความตรงๆ ว่า คุณทั้งสองมีสิทธิ์ทุกอย่างในการตัดสินใจทำสิ่งที่เหมาะสมสำหรับคุณ เพียงแต่ระวังผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากคุณมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเจ้าของแล้วให้ดีก็แล้วกัน
หรือแม้แต่ “อยู่ในระหว่างการหย่าร้าง” ก็สามารถสร้างปัญหาทางกฎหมายให้คุณได้เช่นกัน จึงควรมีอีกคำถามที่ตามมา คือ “ทำไมคุณเลิกกัน?” แล้วค่อยตัดสินใจโดดขึ้นเตียงลุยโลกีย์กับเขาหรือเธอ
2.ประวัติทางเพศของคุณเป็นยังไง?
ยุคนี้ คุณคาดหวังไม่ได้หรอกว่าคุณกำลังนอนกับคนโสดซิงๆ ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน นี่คือความจริงของพ.ศ.นี้ที่เต็มไปด้วยการปฏิวัติทางเพศ แม้แต่เด็กมัธยมก็เอากันอย่างเป็นล่ำเป็นสันแล้ว(ฮอร์โมนฉีดแรง ว่างั้น)
ความน่าเป็นห่วงประการแรกก็คือ การติดเชื้อกามโรค ซึ่งมีมาตั้งแต่การเริ่มต้นของมนุษยชาติแล้ว และเชื้อชั่วไม่มีวันตายนี้ก็ได้แพร่พันธุ์ขยายสาขาของมันออกไปอย่างกว้างขวางยิ่งกว่า 7-11 หลายเท่านัก ตั้งแต่หูดอวัยวะเพศ หนองใน ซิฟิลิส จนมาถึงเอชไอวี และเอดส์ในปัจุบัน ซึ่งเป็นราคาความเสี่ยงสูงที่คุณต้องจ่ายสำหรับการระเริงกาม
จำไว้ว่า คุณมีสิทธิสมบูรณ์ในการถามคู่รักของคุณว่าเขาหรือเธอเคยตรวจหาเชื้อเอชไอวีหรือกามโรคอื่นๆ หรือไม่ หรือเคยมีความสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อเหล่านี้หรือเปล่า คู่รักส่วนใหญ่จะขอบใจกับความกังวลของคุณและยินดีที่มีโอกาสพูดถึงประสบการณ์ของพวกเขา
ถ้ามีการอิดเอื้อนนั่นคือสัญญาณธงแดง (ห้ามยิง) คนที่พยายามหลีกเลี่ยง อ้อมแอ้ม หรือแม้กระทั่งไม่พอใจกับคำถามนี้ ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความไม่ไว้วางใจ (แต่อย่าเอาเก้าอี้ทุ่มใส่เขาหรือเธอนะ)
ประการสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คุณคงอยากจะรู้อยู่เหมือนกันใช่มั้ยล่ะว่าเขาหรือเธอยังจิ้นอยู่หรือเปล่า (ไม่แน่นะ คุณอาจฟลุคเจอเข้าสักคนก็ได้) เพราะประสบกามครั้งแรกของทั้งชายหญิง ควรได้นับการปฏิบัติอย่างนุ่มนวลที่สุด มิฉะนั้นเขาหรือเธออาจแหยงเซ็กซ์ไปตลอดก็ได้
3. คุณชอบเซ็กซ์แบบไหน?
ความหลากหลายอาจเป็นรสชาติของชีวิต แต่มันอาจไม่ใช่กับเรื่องบนเตียงเสมอไป ทุกคนมีแนวคิดในการผจญภัยของตัวเอง และมีขอบเขตของตนเองเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงว่าอะไรได้ อะไรไม่ได้ ตัวอย่างเช่น บางคนชอบเซ็กซ์แบบกายกรรมผาดโผน ในขณะที่อีกคนเห็นว่ามันเป็นความรุนแรง
ดังนั้น คำถามที่ว่า “ฝันเฟื่องเรื่องเซ็กซ์ของคุณเป็นแบบไหน?” จึงเป็นคำถามที่ถูกต้องที่สุด
ถามเสียก่อนดีกว่า ก่อนที่มันจะทำลายอารมณ์พิศวาสของคุณขณะคุณกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เซ็กซ์มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับท่า ช่องทางเข้า และเครื่องประกอบ แม้ว่าประธานาธิบดีบางคนปฏิเสธ แต่โอษฐกาม (ORAL SEX) ก็คือเซ็กซ์อยู่ดี (อย่าไปถามคลินตันเชียวนะ เขาไม่รู้ด้วยหรอก) กามเวจมรรค (ANAL SEX) การผูกมัด แส้หนัง และ S&M (SADOMASOCHISM) ก็ยังพอรับได้ตราบใดที่ผู้มีส่วนร่วมทั้งคู่เข้าใจปริมณฑลของมัน
บางคนโอเคกับอัตกามรัดคอ (AUTO-EROTIC ASPHYXIATION) ด้วยซ้ำ แม้ว่าการกระทำเช่นนั้นมีความเสี่ยงสูงมากก็ตาม ดังกรณีการตายของคนดัง อย่าง เดวิด คาราดีน (ดาราอเมริกันกังฟู) และไมเคิล ฮัทชินสัน นักร้องวง INXS เป็นต้น
ความผิดปกติทางเพศของชาย-หญิง ส่วนใหญ่ผูกพันโดยตรงกับความกังวลในการปฏิบัติและมักจะเกี่ยวข้องกับความคาดหวัง ถ้าคุณสามารถรวบรวมรายละเอียดความนิยมทางเพศของคู่รักได้แต่เนิ่นๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจที่จะร่วมมหกรรมทางเพศกับเขาหรือเธอได้มากขึ้นเท่านั้น หรือถ้ารับไม่ไหวก็บอกลาได้ทัน
ในด้านบวก คำถามแบบนี้สามารถกระตุ้นการสนทนาได้ สร้างความคาดหวังอันวิจิตรระหว่างคู่รัก และยกระดับอารมณ์ในทันทีที่คุณทั้งคู่พร้อมจะโดดขึ้นเตียง นั่นเป็นสิ่งที่ดี
4. คุณสะดวกกับเซ็กซ์ปลอดภัยมั้ย?
ความสะเพร่าไม่ควรมีในห้องนอน (มันไม่ควรมีทุกแห่งนั่นแหละ) แต่ในช่วงชุลมุนขณะเข้าด้ายเข้าเข็ม หลายคู่ไม่เคยคิดจะถามคำถามสำคัญนี้ เซ็กซ์ปลอดภัยเป็นมากกว่าหลักปฏิบัติธรรมดา มันช่วยชีวิตคุณได้
คุณมีเซ็กซ์ปลอดภัยอยู่คนเดียวมันไม่พอหรอก คุณควรรู้ว่าคู่ของคุณทำแบบเดียวกันเสมอ ก่อนที่คุณตัดสินใจมีเซ็กซ์แบบไม่ป้องกัน หรือควรรู้ว่าเขาเคยมีเซ็กซ์กับโสเภณีหรือเปล่า (มันเป็นการผจญภัยที่มีความเสี่ยงสูง)
การตรวจหาเชื้อเอชไอวีและเอดส์เป็นสิ่งสำคัญ แต่มันไม่ได้รับประกันอะไรเลย เพราะไวรัสสามารถหลบเลี่ยงการตรวจในระยะต้นๆได้ (ไม่เกิน6เดือน) รวมทั้งเชื้อกามโรคอื่นๆ ด้วย
บางทีคำถามที่ตรงที่สุดน่าจะเป็นว่า “ คุณไปตรวจ HIVและกามโรคอื่นๆ ดีกว่ามั้ย และจากนั้นก็มีความสัมพันธ์แบบผัวเดียวเมียเดียว หรือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเซ็กซ์?” แน่ละมันอาจฟังไม่เข้าหูแต่มันเป็นคำถามที่ยุติธรรมดี และเขาหรือเธอก็เป็นคนที่คุณมีสิทธิถาม
5. คุณคุมกำเนิดหรือเปล่า?
หนึ่งในคำถามก่อนมีเซ็กซ์ตั้งแต่โบราณยังไม่ล้าสมัยจนถึงปัจจุบัน ทารกมากมายที่ลืมตาขึ้นมาในโลกนี้เป็นผลลัพธ์ของความใคร่ แทนที่จะเป็นผลของการวางแผนอย่างระมัดระวัง คติที่ว่า “ลูกคือโซ่ทองคล้องใจ”ใช้ได้เฉพาะกับคู่รักที่อยู่กินด้วยกันตลอดเวลา แต่โชคไม่ดีที่มีหลายคู่พยายามปัดความรับผิดชอบของการเป็นพ่อแม่
ถ้าความเป็นพ่อแม่ยังไม่ได้อยู่ในแผนของคุณตอนนี้ อย่างน้อยคุณก็ควรใช้วิธีคุมกำเนิด (ถุงยางสำหรับผู้ชาย ยาเม็ดหรือยาฉีดสำหรับผู้หญิง) ถุงยางไม่ได้เป็นเพียงเครื่องป้องกันกามโรคเท่านั้น แต่มันยังช่วยป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์โดยไม่ต้องการด้วย โดยเฉพาะเมื่อใช้ควบคู่กับยาคุมกำเนิดของผู้หญิง
อย่าลืม มีความจริงบางประการเกี่ยวกับตลกเก่าๆ ที่ว่า “คู่รักที่ใช้วิธีคุมกำเนินโดยนับวันปลอดภัยของรอบเดือนน่ะเขาเรียกกันว่าอะไร?” ตอบ “พ่อแม่!” เพราะมันมีโอกาสพลาดได้เสมอ
การ “ชักออก” ยิ่งไม่ชัวร์ใหญ่ เพราะคุณมัวแต่ “ชักช้า”อยู่นั่นแหละ
จำไว้ว่า ความประมาทมักเป็นผลพลอยได้ของความใคร่ที่เลินเล่อ จงรับผิดชอบด้วยการคุมกำเนิดดีกว่า
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.