เผยโฉมเรือนเวลาที่ควรค่าแก่การเก็บสะสมกับ “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ล่าสุดได้จัดงาน “MIDO PRODUCT NOVELTIES PRESENTATION 2022” อวดโฉมสุดยอด 5 เรือนเวลาหรู ประจำปี 2022 ซึ่งประกอบไปด้วย มัลติฟอร์ต สเกเลตัน เวอร์ติโก้ (Multifort Skeleton Vertigo), คอมมานเดอร์ โครโนกราฟ สเปเชียล เอดิชั่น (Commander Chronograph Special Edition), เรนฟลาวเวอร์ บลอสซั่ม (Rainflower Blossom), โอเชียน สตาร์ ไทเทเนียม (Ocean Star Titanium) และมัลติฟอร์ต พาวเวอร์วินด์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น (Multifort Powerwind Limited Edition) ในรูปแบบออนไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับเกียรติจากประธานแบรนด์ “มิโด” (MIDO) มร.ฟรานซ์ ลินเดอร์ (Mr.Franz Linder) เป็นผู้แนะนำ 5 เรือนเวลาหรูด้วยตนเอง
“มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน
สำหรับสุดยอด 5 เรือนเวลาหรูนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากความงดงามของสถาปัตยกรรมชื่อดังระดับโลก ที่ยังคงคอนเซ็ปต์การดีไซน์ตามแบบฉบับของ “มิโด” (MIDO) ซึ่งโดดเด่นในด้านนวัตกรรม ฟังก์ชันการทำงาน และความงาดงามเหนือกาลเวลา โดยทั้ง 5 รุ่นนี้จะทยอยเปิดตัวให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้ยลโฉมกันตลอดทั้งปี 2022 เริ่มจาก
“มัลติฟอร์ต สเกเลตัน เวอร์ติโก้” (Multifort Skeleton Vertigo) เรือนเวลาหรูจากตระกูล มัลติฟอร์ต (Multifort) ที่ถูกพัฒนาดีไซน์ขึ้นใหม่ด้วยหน้าปัดที่เผยให้เห็นกลไกการทำงานด้านใน ผสมผสานเอกลักษณ์อันโดดเด่นด้วยลวดลายเจนีวา สไตรป์ (Geneva Stripes) ที่ภายในบรรจุด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงที่ทำจากนิวาครอน (Nivachron) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการต้านแรงแม่เหล็ก และป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี
ถัดมาที่คอลเลกชั่นที่เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ “มิโด” (MIDO) อย่าง คอมมานเดอร์ (Commander) ที่ปีนี้ได้สร้างสรรค์รุ่นพิเศษ “คอมมานเดอร์ โครโนกราฟ สเปเชียล เอดิชั่น” (Commander Chronograph Special Edition) ด้วยดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลากว่าที่ผ่านมา โดยการผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตเอาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวด้วยดีไซน์ของตัวเรือนที่เป็นสีโรสโกลด์ และสายหนังแท้สีน้ำตาล ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 60 ที่มาพร้อมกับสายสำรอง และกล่องดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น
ต่อมาที่ “เรนฟลาวเวอร์ บลอสซั่ม” (Rainflower Blossom) เรือนเวลารุ่นพิเศษสำหรับสุภาพสตรีจากคอลเลกชั่น เรนฟลาวเวอร์ (Rainflower) สะท้อนความงดงามชวนให้หลงใหล ที่มาพร้อมการดีไซน์ลวดลายแบบใหม่บนหน้าปัดที่มีความโค้งมนอ่อนช้อย เฉกเช่นความงดงามของดอกไม้ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างปราณีตบรรจง ถ่ายทอดความหรูหราให้กับเหล่าสุภาพสตรีโดยเฉพาะ พร้อมกลไกคาลิเบอร์ 80 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอน (Nivachron)
ถัดมาที่นาฬิกาจากตระกูล โอเชี่ยน สตาร์ (Ocean Star) กับรุ่น “โอเชียน สตาร์ ไทเทเนียม” (Ocean Star Titanium) ที่ทางทีมดีไซน์ได้หยิบยกลวดลายอันเป็นเอกลัษณ์อย่างลายเส้นรูปทรงคลื่นมาดัดแปลงผสมผสานให้เข้ากับหน้าปัดสีดำบนตัวเรือนไทเทเนียม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงดีไซน์อันแข็งแกร่งที่ผสานความคลาสสิกเหนือกาลเวลาเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ โดยมาพร้อมฟังก์ชันของนาฬิกาดำน้ำประสิทธิภาพสูงพิเศษด้านความแม่นยำ และเที่ยงตรงพร้อมที่สามารถดำน้ำลึกได้ในระดับ 200 เมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 80 ที่สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง ซึ่งทนทานในทุกสภาพแวดล้อม
และสุดท้ายกับ “มัลติฟอร์ต พาวเวอร์วินด์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น” (Multifort Powerwind Limited Edition) เรือนเวลาหรูที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อรำลึกถึงรุ่น พาวเวอร์วินด์ (Powerwind) ที่โดดเด่นด้วยตัวกลไกการขึ้นลานอัตโนมัติ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1954 ซึ่งมาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิกจากการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความทนทาน โดยเรือนรุ่นพิเศษนี้จะถูกผลิตขึ้นเพียง 1,954 เรือนทั่วโลกเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเรือนไฮไลท์ที่ควรค่าแก่การสะสมเป็นอย่างมาก
และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญประจำปีนี้คือการที่ “มิโด” (MIDO) ได้ประกาศต่อสัญญากับแบรนด์แอมบาสเดอร์หนุ่มชื่อดัง “คิม ซู ฮยอน” (Kim Soo-Hyun) ซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเกาหลีต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นตัวแทนถ่ายทอดความงดงามเหนือกาลเวลาผ่านเรือนเวลาหรูของ “มิโด” (MIDO) ให้เหล่าแฟนคลับแบรนด์ได้ติดตามกันตลอดปีนี้
นอกจากนี้ทาง “มิโด” (MIDO) ยังได้แนะนำเคล็ดลับการเก็บรักษานาฬิกาเรือนโปรดให้คงสภาพเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาว่า สำหรับนาฬิกาที่เป็นลายเหล็ก หรือสายโลหะ ควรถอดสายออกมาเพื่อทำความสะอาดแยก โดยใช้แปรงขนนุ่มพิเศษขัดไปที่บริเวณตัวสายเพื่อกำจัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามซอก แต่หากเป็นสายที่ทำจากหนัง ควรระวังไม่ให้โดนน้ำ หรือเหงื่อมากเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดเชื้อราจากการอับชื้น และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งส่งผลให้หนังเสื่อมสภาพ หรือเปลี่ยนสีได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการทำความสะอาดสายหนังนั้นสามารถทำได้โดยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดให้หมาด และเช็ดไปที่บริเวณสายเบาๆ ส่วนบริเวณหน้าปัดนาฬิกา สามารถใช้ผ้าสะอาดเนื้อนิ่ม ไม่มีขุย ชุบน้ำหมาดๆ และเช็ดบริเวณหน้าปัด และด้านหลังให้ทั่วอย่างเบามือ เพื่อขจัดคราบเหงื่อ หรือน้ำมันที่เกาะติดอยู่ ให้สะอาด และเงางาม เพียงเท่านี้ก็สามารถเก็บรักษานาฬิกาให้คงสภาพเหมือนใหม่ และสวยงามอยู่เสมอได้
เตรียมพบกับ 5 เรือนเวลาสุดพิเศษแห่งปี 2022 จากเรือนเวลาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์แบรนด์ “มิโด” (MIDO) นาฬิกาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้ที่เคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสั่งผ่านทางออนไลน์ MIDO Official Store ใน Shopee และ Lazada และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่เว็บไซต์ www.midowatches.com, LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0299
Comments are closed.