World Celeb

ชอปปิ้งแล้วก็ต้องรู้จักเจ้าของห้างดังระดับโลกแต่ละประเทศกันหน่อย!

Pinterest LinkedIn Tumblr


ห้างสรรพสินค้าดังๆ ในโลก ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากกิจการครอบครัว ทว่า ปัจจุบันมีน้อยนักที่จะบริหารโดยครอบครัวเดียว ส่วนใหญ่ขายหุ้นออกไป ไม่ก็นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ มีการปรับโครงสร้างองค์กรให้บริหารแบบมืออาชีพ


:: เรเน เบนโค

นักธุรกิจชาวออสเตรียที่คว้ารางวัลทางด้านการบริหารมากมาย เพราะไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด โดยเฉพาะในปี 2018 ที่นับเป็นปีทองของเขา ที่สามารถควบรวมกิจการ 2 ห้างสรรพสินค้าใหญ่ คือ คาร์สตัดต์ กับ โคฟฮอฟ เป็นหนึ่งเดียวกัน กลายเป็นห้างสไตล์ยุโรปที่ยิ่งใหญ่และทีนสมัยที่สุดห้างหนึ่ง ซึ่งทำให้ซินยา กรุป โฮลดิง ของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เรเน เบนโค ร่ำรวยขึ้นมาด้วยตัวเองตั้งแต่หนุ่มๆ ด้วยการยึดอาชีพพัฒนาที่ดิน เริ่มจากในบ้านเกิดที่ไทโรลีน ก่อนจะย้ายไปที่อินน์สบรูค หลังจากเห็นว่าสามารถหารายได้เป็นกอบเป็นกำ ลูกชายของเจ้าหน้าที่เทศบาลและคุณครูอนุบาล ก็ตัดสินใจจะไม่เรียนต่อ ออกมาหาเงินดีกว่า


เขาก่อตั้ง ซินยา กรุป โฮลดิง ในปี 1999 และประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาซื้อโรงแรมดังใกล้ๆ อินน์สบรูค อย่าง แลนเซอร์ฮอฟ และนำมาขายต่อได้กำไรอื้อซ่า ขนาดที่สามารถนำไปสร้างศูนย์การแพทย์ในเวียนนา รวมทั้งเริ่มมาจับธุรกิจรีเทลในปี 2004

เขาซื้อห้าง โคฟเฮาส์ ไทโรล ในอินน์สบรูค และนำมาสร้างใหม่ ยิ่งทำให้ซินยา กรุป ได้เงินถุงเงินถัง นอกจากขยายสาขาไปทั่วออสเตรียแล้ว ยังขยายไปสู่อิตาลีและเยอรมนี


เรเน ยังสร้างชื่อของตัวเองในเวียนนา ด้วยช็อปหรูและเพนต์เฮาส์ อย่าง โกลเดน ควอเตอร์ และยังนำแบรนด์เดียวกันมาสร้างในย่านธุรกิจของอินน์สบรูคด้วย

การควบรวมกิจการโคฟฮอฟกับคาร์สตัดต์ ทำให้พวกเขากลายเป็นห้างยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาทั่วยุโรป กว่า 243 สาขา รวมทั้งอี-คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม นอกจากโคฟฮอฟ และคาร์สตัดต์ แล้วยังมี แซคส์ โอเอฟเอฟ ฟิฟธ์ แกลเลอเรีย อินโน ฮัดสันส์ เบย์ คทาร์สตัดส์ สปอร์ต ดีเนีย กาเลอเรีย กูร์เมต์ คาร์สตัดต์ ไฟน์คอสต์ และเลอ บุฟเฟต์ ฯลฯ


:: ชีแนตต์ มูแลง

ตอนที่ ชีแนตต์ มูแลง วัย 87 เจ้าของห้างกาเลอรี ลาฟาแยต ก็กลายเป็นคนที่มีอายุมากที่สุดในทำเนียบคนที่ร่ำรวยติดอันดับโลก

ในวัย 96 ชีแนตต์และครอบครัว ยังคงถือหุ้นทั้ง 100% ของกลุ่มบริษัทกาเลอรี ลาฟาแยต ที่แต่ละปีสร้างรายได้กว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของฝรั่งเศส เลอ นูเวล ออบแซร์กวาเตอร์ บรรยายว่า ครอบครัวมูแลงเป็นเศรษฐีเงินสด หลังจากที่พวกเขาขายหุ้น 50% ของห้างโมโนปรีซ์ ให้กับกาสิโน กรุป ในปี 2012 คิดเป็นเงิน 1.6 พันล้านดอลลาร์


สำหรับกิจการห้างกาเลอรี ลาฟาแยต ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1894 เมื่อคุณปู่ของชีแนตต์ อย่าง เตโอฟิล บาแดร์ กับลูกพี่ลูกน้อง อัลฟองส์ คาห์น จากอัลซาช ร่วมกันเปิดร้านขายเครื่องแต่งกายสำหรับสุภาพบุรุษ รวมทั้งขายโบ และผ้าไหม ณ หัวมุมถนนลาฟาแยต ในกรุงปารีส

โลเคชั่นดังกล่าวอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟแซงต์-ลาแซร์ ที่เป็นจุดศูนย์กลางของผู้เดินทางจากจังหวัดต่างๆ มายังปารีส รวมทั้งเป็นศูนย์รวมของคนนำสมัย ใกล้ๆ โรงโอเปราอีกด้วย

อาคารทรงโดมแบบนีโอ-ไบเซนไทน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่เราเห็นในปัจจุบัน ก่อสร้างขึ้นที่บูเลอวาร์ด เฮาส์มันน์ ในปี 1912 เป็นการสร้างเลียนแบบตลาดในโลกตะวันออก


แมกซ์ เฮลบรอน ลูกเขยของเตโอฟิลรับช่วงในการบริหารในทศวรรษที่ 1920s-1930s เขาขยายสาขาไปยังเมืองนองต์ส และมงต์เปลิเยร์ ก่อนที่ธุรกิจจะสะดุดในปี 1941 เมื่อนาซีเข้ามายึดกรุงปารีส ทำให้ชาวยิวที่บริหารกาเลรี ลาฟาแยต ต้องหลุดออกจากตำแหน่ง

เตโอฟิล เสียชีวิตในปีต่อมา ส่วนแมกซ์ ไปเป็นแนวร่วมต้านนาซี เขาถูกจับในปี 1043 และถูกส่งไปยังค่ายกักกันในบูเชนวาลด์ และได้เจอกับเพื่อนนักโทษ อย่าง เอเตียน มูแลง ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในค่าย พอรอดมาได้ เขาก็แต่งงานกับ ชีแนตต์ ลูกสาวของเอเตียน

ชีแนตต์ มูแลง ต้องมาต่อสู้แย่งชิงกาเลอรี ลาฟาแยต กับครอบครัวเมเยอร์ส จากลูกเขยอีกคนของเตโอฟิล อย่างราอูล เมเยอร์ส ก่อนจะสำเร็จในปี 2005 ด้วยความช่วยเหลือจากธนาคารเบแอนเป ปารีบาส์ ทำให้หุ้นทั้ง 100% ตกเป็นของครอบครัวมูแลงแต่เพียงผู้เดียว

ชีแนตต์ ในวัย 96 ยังนั่งเป็นประธาน ขณะที่งานบริหาร เป็นของลูกเขยกับหลานชาย ฟิลลิป และ นิโกลาส์ อูเซ่


:: ลี มยุง-ฮี

ลี มยุง-ฮี ลูกสาวคนสุดท้องของ ลี บยุง-ชุล ผู้ก่อตั้งซัมซุง กรุป เธอขึ้นเป็นประธานบริษัทชินเซแก กรุป ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าดังในเกาหลีใต้ ในปี 1997 หลังจากแยกจากกลุ่มซัมซุง


ลี มยุง-ฮี เกิดที่ยุยเรียง เคาน์ตี เป็นลูกคนที่ 8 ของ ลี บยุง-ชุล กับภรรยาคนแรก พัค ดู-อุล ด่อนที่จะแต่งงาน เธอเข้าเรียนในโรงเรียนสตรีอีฮวา ต่อด้วยมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา เอกศิลปะ

หลังจากใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านอยู่ 10 ปี เธอก็มาทำงานที่ฝ่ายขายที่ห้างสรรพสินค้าชินเซแก ในปี 1979 และขึ้นเป็นประธานบริษัทในปี 1997 หลังจากที่บริษัทแยกตัวออกจากกลุ่มซัมซุง


ระหว่างที่เธอเป็นประธานบริษัทชินเซแก ลี มยุง-ฮี ถูกฟ้องถึง 3 ครั้ง 3 ครา ครั้งแรกเกิดจากการที่เธอปกปิดเงินกำไรที่ได้จากหุ้นถึง 800 พันล้านวอนด้วยนามแฝง ทำให้ต้องจ่ายค่าปรับ 350 พันล้านวอน ในปี 2012 คณะกรรมการการค้าปรับเธอ 4 พันล้านวอน จากการขายสินค้าเกินราคา และในปี 2015 เธอถูกปรับอีก 70 พันล้านวอน จากการปกปิดการถือหุ้นใน 380,000 บริษัท มูลค่ากว่า 80 พันล้านวอน โดยใช้ชื่อคนอื่นเป็นนอมินี

Comments are closed.

Pin It