Interview

“เดีย วรกิตติกุล” ดีไซเนอร์ชุดชั้นในไทย ที่ฝันอยากให้ “เคท มิดเดิลตัน” เป็นลูกค้า!

Pinterest LinkedIn Tumblr


จากคนที่วาดรูปไม่เป็น แถมไม่ได้ร่ำเรียนมาสายแฟชั่น แต่เพราะความหลงใหลในชุดชั้นใน จุดประกายให้ “เดีย วรกิตติกุล” อยากสร้างแบรนด์ชุดชั้นในของตัวเอง และวันนี้เธอก็ได้ทำสำเร็จ สามารถปลุกปั้นแบรนด์ชุดชั้นในที่มีชื่อว่า “SYP Intimates” (สิป อินติเมท) ซึ่งมีจุดเด่นคือ เป็นชุดชั้นในลูกไม้ทำมือ ที่ใช้ผ้าไหมไทยทดแทนฟองน้ำ โดยเธอวาดฝันว่า อยากสร้างชื่อให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักในระดับเอเชียไม่พอ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเห็น “เคท มิดเดิลตัน” ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ฉลองพระองค์ด้วยชุดชั้นในที่เป็นแบรนด์ไทยดูสักครั้ง


เอาเป็นว่า ก่อนที่จะไปถึงวันนั้น เรามาตั้งต้นด้วยการทำความรู้จักกับสาวเก่งที่กล้าฝันใหญ่ และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายกันก่อน

“ก่อนจะมาทำแบรนด์ชุดชั้นใน เดียเรียนจบด้านการตลาดจากอังกฤษ ทำงานในวงการโฆษณา มานานกว่า10 ปี แต่ด้วยความที่เป็นคนแอกทีฟ เลยคิดว่าอยากจะมีอาชีพที่สอง อยากลองทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งเดียก็เริ่มต้นเหมือนกับหลายๆ คนคือ กลับมาดูก่อนว่าตัวเองชอบอะไร ปรากฏว่ามีอยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือ ชอบไปกินอาหารร้านมิชลินสตาร์ แต่ด้วยความที่ทำอาหารไม่เป็น จะหวังมาเปิดร้านอาหารหรือคาเฟ่ก็คงยาก เลยตัดความชอบข้อนี้ไป มาถึงความชอบอีกอย่าง คือ เดียเป็นคนที่ชอบชุดชั้นในมาก เวลาไปต่างประเทศ ผู้หญิงบางคนอาจจะเลือกไปชอปเสื้อผ้า กระเป๋า แต่เดียเลือกจะไปฝังตัวอยู่ในร้านขายชุดชั้นใน ซึ่งสามารถใช้เวลาเลือกดูได้นานๆ โดยไม่เบื่อ แถมไปแต่ละครั้งยังซื้อกลับมาเยอะมาก จนเจ้าหน้าที่ที่สนามบินสงสัยว่าเดียซื้อกลับมาขายหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่จริงๆ ไม่ใช่ เราซื้อกลับมาใส่เองทั้งหมด ที่ซื้อเยอะเพราะร้านชุดชั้นในเมืองนอก มีแบบให้เลือกค่อนข้างหลากหลายกว่าบ้านเรา และยังมีสไตล์ที่ตอบโจทย์เรามากกว่า” เดียเล่าถึงที่มาของความหลงใหลในชุดชั้นใน

จากความชอบนี้เองทำให้คิดว่าต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง เธอตั้งต้นจากการพาตัวเองเข้าไปในโลกของชุดชั้นในอย่างจริงจัง ด้วยการไปลงเรียนคอร์สพื้นฐาน อย่าง การฝึกทำแพตเทิร์นเสื้อผ้าเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนจะต่อยอดไปเรียนการออกแบบชุดชั้นใน

“ตอนนั้นเดียยังทำงานประจำอยู่ ไปเรียนแค่เฉพาะวันอาทิตย์ ไปทุกอาทิตย์ไม่เคยขาด ข้อดีของการเรียนรู้ตั้งแต่การทำแพตเทิร์นคือ ทำให้พอไปเรียนออกแบบชุดชั้นใน เราสามารถทำความเข้าใจองค์ประกอบและรายละเอียดของชุดชั้นได้เร็วขึ้น จากที่ต้องเรียน 4 เดือน เดียใช้เวลาเรียนแค่ 2 อาทิตย์ก็จบคอร์สที่สำคัญคือ มีวิชาติดตัว อย่างน้อยเวลาต้องคุยกับช่าง แก้แบบ เราก็พอมีความรู้ ระหว่างที่เรียน เดียก็ค่อยๆ ศึกษาเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บชุดชั้นใน หาข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานที่รับตัดเย็บ ซึ่งก็ยากมาก เพราะโรงงานในบ้านเราไม่ได้มีมากนัก ที่มีส่วนใหญ่ก็รับผลิตในปริมาณที่มาก ต้องมีออเดอร์ขั้นต่ำเป็นล้านตัว ซึ่งสำหรับแบรนด์น้องใหม่อย่างเรา จะผลิตปริมาณมากขนาดนั้นก็ลำบาก”


แม้แค่เริ่มต้นก็เห็นภาพแล้วว่าเส้นทางข้างหน้าไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่เดียไม่ท้อ หลังจากเรียนจบคอร์ส เธอก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะหาความรู้เพิ่มเติม จนไปเจอคอร์สสอนออกแบบชุดชั้นในโดยตรงที่ฮ่องกง ซึ่งอยู่ใกล้ไทยก็จริง แต่เพราะไม่รู้ภาษาจีน เดียเลยเทใจไปที่หลักสูตรการออกแบบชุดชั้นในและชุดว่ายน้ำ (Lingerie Design) ที่ University of the Art London ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 2 ของโลก ในสาขา Art & Design ของลอนดอน ประเทศอังกฤษ

“ตอนแรกเดียก็ยังลังเลนะ เพราะอย่างที่บอกว่า เดียวาดรูปไม่เป็น แต่พอดีมีโอกาสไปเที่ยวอังกฤษ เลยลองแวะไปดูที่เรียนและได้คุยกับอาจารย์ผู้สอน ซึ่งเขาทำงานอยู่บริษัทชุดชั้นในของฝรั่งเศส เขาช่วยปลดล็อกสิ่งที่เรากังวล เขาบอกว่า คนที่เรียนหลักสูตรนี้ไม่จำเป็นต้องวาดรูปเป็นก็เรียนได้ เดี๋ยวเรียนไปก็เป็นเอง เพราะการวาดรูปเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ สุดท้ายคุยไปคุยมา เดียก็ตกลงปลงใจ จ่ายเงินสมัครเรียนเรียบร้อย ซึ่งคอร์สที่เดียเลือกเป็นคอร์สเรียนแบบเต็มเวลา ใช้เวลาเรียนประมาณ 1 เดือน ตอนแรกคิดว่าจะลาเรียนแบบไม่รับเงินเดือน แต่ด้วยหลายๆ อย่าง เรารู้สึกว่าแพสชั่นเราอยู่ตรงนี้ ตอนหลังเลยเปลี่ยนใจลาออก เพราะวางแผนไว้แล้วว่า เรียนจบจะกลับมาเปิดแบรนด์ของตัวเอง”

แน่นอนว่าการได้กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง แถมได้เรียนในสิ่งที่มีแพสชั่น ทำให้ชั้นเรียนช่วงเวลาสั้นๆ นั้นช่างล้ำค่า ได้เจาะลึกเกี่ยวกับการออกแบบชุดชั้นใน ตั้งแต่การวางคอนเซ็ปต์ การออกแบบ ไปจนถึงการใส่ตัวตนของดีไซเนอร์เข้าไปในชิ้นงาน

“คลาสที่เรียนเป็นคลาสเล็กๆ เรียนกันแค่ 7 คน แต่ละคนมีแบคกราวน์มาต่างกัน โดยเหตุผลที่เขาให้เรียนรวมกับคนที่สนใจออกแบบชุดว่ายน้ำ เพราะเป็นชุดที่ต้องสัมผัสกับร่างกายโดยตรงเหมือนกัน ตอนที่เรียนเดียมีเพื่อนร่วมคลาสเป็นเจ้าหญิงมาจากดูไบ ซึ่งสนใจการออกแบบชุดว่ายน้ำ ทุกวันอาจารย์จะมีให้การบ้านว่า เราต้องไปลองชุดชั้นในของแบรนด์ต่างๆ แล้ววันรุ่งขึ้นกลับมาเล่าให้เพื่อนฟังว่าประสบการณ์ที่เราได้ไปลองไปสัมผัสมาเป็นอย่างไร”


หลังจากเรียนจบ เดียก็กลับมาเมืองไทยเพื่อสานฝันทันที โจทย์ใหญ่ของเธอในตอนนั้นคือ การหาวัตถุดิบและโรงงานเย็บชุดชั้นใน กว่าจะได้โรงงานที่ยอมผลิต ในออเดอร์หลักพันตัว ก็ต้องแลกด้วยการเป็นฝ่ายจัดหาและสั่งซื้อวัสดุที่จำเป็นสำหรับการทำชุดชั้นในเองทั้งหมด ซึ่งความยากคือ วัสดุแต่ละอย่างที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น ตะขอ ห่วง โครง ฯลฯ ไม่ได้มีศูนย์รวมที่เดียว ต้องไปเสาะหาทีละเจ้า แล้วเอามารวมร่าง ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน กว่าจะรวบรวมวัตถุดิบได้ครบ และได้เริ่มเดินสายการผลิต ซึ่งเดียบอกว่าเหนื่อยแต่ก็สนุก

ผ่านด่านเรื่องกระบวนการผลิตมาแล้ว มาถึงการออกแบบชุดชั้นใน เดียบอกว่า เธอตั้งใจออกแบบชุดชั้นในที่ตอบโจทย์สรีระของสาวไทย เพราะจากการศึกษาอย่างจริงจัง ทำให้รู้ถึงผลเสียมากมายจากการใส่ชุดชั้นในที่ไม่เหมาะกับรูปร่าง อาจจะเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง เธอจึงพิถีพิถันในการออกแบบ ใส่ใจในการเลือกวัสดุ เลือกใช้ผ้าลูกไม้ไทยที่มีความนุ่ม และไม่ใช้ฟองน้ำ เพราะต้องการมอบสัมผัสที่เบาสบายให้ผู้สวมใส่

“ส่วนตัวผ้าไหม สำหรับแทนฟองน้ำ เดียมาเพิ่มตอนหลัง เพราะมีฟีดแบคจากลูกค้าคนไทยว่า พอมาใส่บราลูกไม้อย่างเดียวแล้วสบายก็จริง แต่อาจจะยังเขินๆ ไม่ชิน เดียเลยพยายามมองหาวัสดุที่มีความนุ่มสบาย บางเบา ไม่คัน และระบายอากาศได้ดี สุดท้ายมาลงตัวที่ผ้าไหมไทย โดยเลือกแบบทอเป็นเส้นไหมที่เล็กมากๆ ทำให้เนื้อสัมผัสไม่แข็ง เหมือนเสื้อผ้าไหมที่เราเห็นกันบ่อยๆ โดยไหมแบบนี้ ปกติเขาจะส่งออกไปญี่ปุ่น ในส่วนช่องทางการขาย เดียบอกว่าไม่มีหน้าร้าน เน้นขายออนไลน์ ควบคู่กับการไป Pop Up ตามงานต่างๆ เพราะสุดท้ายแล้วชุดชั้นในก็ยังเป็นสินค้าที่ลูกค้าอยากลอง อยากสัมผัส ส่วนใหญ่ลูกค้าของแบรนด์จะเป็นลูกค้าที่ลองซื้อไปใส่แล้วชอบ จึงบอกต่อ ปากต่อปาก ซึ่งเราก็ทำควบคู่ไปกับการทำการตลาดออนไลน์

อย่างก่อนหน้าจะมีโควิด-19 เราได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวจีน แต่พอโควิด-19 มา คนจีนมาไม่ได้ เราเลยต้องปรับตัว ตอนนี้อยู่ระหว่างเตรียมจะนำแบรนด์เข้าไปขายในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน”


ส่วนที่มาของชื่อแบรนด์ SYP Intimates ซึ่งออกเสียงคล้ายกับเลข 10 เพราะเดียตั้งใจสื่อความหมายถึงการเติมเต็ม ความครบถ้วน ส่วนที่สะกดชื่อแบรนด์เป็นภาษาอังกฤษว่า SYP เพราะ ย่อมาจาก Simple Yet Perfect หรือความเรียบง่ายที่ยังแฝงไปด้วยความเพอร์เฟกต์นั่นเอง

“เดียไม่เคยฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งจะได้มาทำแบรนด์ของตัวเอง แต่พอได้มาทำก็ตั้งใจทำเต็มที่ และไม่หยุดพัฒนา แม้จะมาทำแบรนด์ชุดชั้นในของตัวเอง แต่ถ้ามีโอกาสไปต่างประเทศเมื่อไหร่ เดียจะต้องไปชอปชุดชั้นในกลับมา เพราะยิ่งเราทำแบรนด์ เรายิ่งต้องอัปเดตเทรนด์และเทคโนโลยีตลอดเวลาว่าไปถึงไหนแล้ว เวลามี World Event ที่เกี่ยวกับชุดชั้นใน เดียก็จะพยายามไปร่วม ซึ่งหลักๆ จะมี 4 งาน จัดที่ฝรั่งเศส 2 ครั้ง แล้วก็ที่จีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งของฝรั่งเศสเดียเคยไปแล้ว เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เหมือนเข้าไปในดิสนีย์แลนด์ มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจเยอะมาก ส่วนอีก 2 ที่ยังไม่เคยไป อย่าง จีน เสียดายมาก จองตั๋วทุกอย่างแล้ว แต่มาเจอโควิด-19 ก่อนเลยยังไม่ได้ไป”

อย่างไรก็ตาม แม้จะเพลิดเพลินกับโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยแพสชั่น แต่เดียยังไม่ทิ้งความตั้งใจที่อยากจะมีอาชีพที่สอง ซึ่งตอนนี้ฝันของเธอเป็นจริงอีกข้อแล้ว เพราะนอกจากจะทุ่มเทให้กับการสร้างแบรนด์ เดียยังเจียดเวลาไปสวมบทเป็นฟรีแลนซ์ ต่อยอดความรู้ใหม่ที่ไปเรียนมา ด้วยการเป็น Data Analytic หรือ นักวิเคราะห์ข้อมูล

“หลายคนอาจจะมองว่า ทำธุรกิจส่วนตัวแล้วไม่น่ามีเวลาไปทำงานอื่น แต่เดียคิดต่างและมองว่า การทำสองอาชีพไปพร้อมๆ กัน เหมือนเป็นการเปิดทางเลือกให้ชีวิต บางทีเบื่อจากงานหนึ่ง ก็ได้เบรกตัวเองมาทำอีกงาน แต่ถึงจะทำงานเยอะ ก็ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพ เดียชอบออกกำลังกาย ส่วนใหญ่ถ้าไม่พีลาทิส ก็ต้องเวทเทรนนิงทุกเช้า”


ส่วนไลฟ์สไตล์วันว่าง อย่างที่บอกว่า ชอบไปกินของอร่อย หรือไม่ก็ชวนเพื่อนมาเทสต์ไวน์ที่บ้าน ขณะที่ สไตล์การแต่งตัว ด้วยความที่ชอบแต่งตัวแบบแคชชวล แบรนด์โปรดของเดียคือ Scotch & Soda แต่ถึงจะแต่งตัวเรียบๆ มีดีไซน์ที่มีลูกเล่นในบางครั้ง แต่ถ้าเป็นชุดชั้นใน คนละเรื่องเลย

“เดียชอบโมเมนต์ที่ได้เห็นตัวเองใส่ชุดชั้นในสวยๆ มันเหมือนเป็นการเติมพลังบวกให้ตัวเองในทุกเช้า บางครั้งชุดชั้นในก็เป็นสิ่งที่บอกอารมณ์ของเราในวันนั้น เช่น วันไหนอยากสนุก เราคงไม่หยิบเสื้อผ้าสีแดงมาใส่ แต่เราอาจจะเลือกชุดชั้นในสีแดง ซึ่งเดียว่านี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะ อย่าง เราทำแบรนด์ชุดชั้นในขาย เวลาเห็นลูกค้าเดินเข้ามา ถ้าเราขายสินค้าอย่างอื่น เราอาจจะพอเดาจากการแต่งตัว หรือลักษณะภายนอกได้ แต่ถ้าเป็นรสนิยมในการเลือกชุดชั้นในนี่ อาจจะเดาลำบาก” เดียยกตัวอย่างให้เห็นภาพตาม

อย่างไรก็ตาม เห็นเป็นคนที่มีพลังล้น แถมยังคิดบวกแทบจะทุกเรื่องแบบนี้ แต่ก็มีบางเวลาที่ท้อเหมือนกัน เพียงแต่เดียมีคัมภีร์ที่เติมพลังบวกให้ตัวเอง พร้อมไปให้ถึงจุดหมายที่วางไว้อยู่เสมอ

“ขึ้นชื่อว่าคนที่ทำธุรกิจ ต้องมีช่วงที่ท้อบ้างเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้เราผ่านไปได้คือ แพสชั่นและเป้าหมาย หลายคนบอกว่า เวลาจะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ ต้องเริ่มจากแพสชั่น ซึ่งเดียไม่เถียง แต่บางครั้ง แค่แพสชั่นอย่างเดียวก็อาจจะไม่พอที่จะพาเราไปถึงจุดหมายที่วางไว้ บางครั้งต้องอาศัยทั้งความมีวินัย ขยัน อดทน และพยายาม เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ เดียคิดว่าสุดท้ายแล้ว แพสชั่นก็ไม่ต่างจากภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเอง ดังนั้น ทุกครั้งที่เดียรู้สึกเหนื่อยหรือท้อ เดียจะคิดถึงแพสชั่นและเป้าหมาย เพื่อไดร์ฟตัวเองค่ะ” เดียทิ้งท้าย

Comments are closed.

Pin It