สาวน้อยผู้หลงใหลกีฬาทางน้ำ “มิ้งค์-ทิพฤดี ยงสกุล” ลูกสาวคนสวยของ “คณิต ยงสกุล” กับ “หม่อมหลวงสิริทิพย์ ยงสกุล” เจ้าของธุรกิจ “ภูเก็ต โบ๊ท ลากูน” ที่มีธุรกิจมากมายในภูเก็ต โดย โบ๊ท ลากูน นับเป็นมารีนาแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ตและแห่งแรกในประเทศไทย ตั้งอยู่ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมือง บนเนื้อที่ประมาณ 250 ไร่ มีบริการให้เช่าที่จอดเรือทั้งในน้ำและบนบก
แถมภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับนักล่องเรือที่จอดเรือมาพักผ่อนบนฝั่ง มีทั้งโรงแรม วิลลามาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับจับจ่ายอาหารและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีบริการร้านซักรีด คลินิกทันตกรรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้าต่างๆ กว่า 300 ร้าน
มิ้งค์ได้เล่าย้อนให้ฟังว่า “หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบแรก จังหวัดภูเก็ตก็มีความคึกคักแม้จะไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลยแม้แต่คนเดียว แต่ก็เป็นโอกาสอันดีที่ชาวภูเก็ตทุกคน ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่มาชื่นชมความงดงามของไข่มุกแห่งอันดามัน จึงทำให้ร้านค้าที่เช่าพื้นที่ในยอชต์มารีนาขับเคลื่อนไปได้บ้าง กระทั่งมีการแพร่ระบาดรอบที่ 3 ไม่มีแม้แต่นักท่องเที่ยวเลยสักคน แต่ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ที่เช่าอยู่ในมารีนาก็ยังพยายามดำเนินกิจการกันต่อไป
กระทั่ง มีการประกาศเปิดจังหวัดในรูปแบบภูเก็ตแซนด์บอกซ์ เพื่อเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการทุกคนในจังหวัดภูเก็ต ต่างมีความหวังกับนิมิตหมายที่ดีในครั้งนี้ ว่าเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้อาจจะไม่รุ่งเรืองเหมือนดังหลายๆ ปีที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการทุกคนต่างขานรับนโยบายของภาครัฐ และเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวในครั้งนี้
“ในส่วนของโรงแรมเราได้ปิดปรับปรุงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งจะกลับมาเปิดให้บริการในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงอีกครั้ง ส่วนร้านค้าผู้ประกอบการที่เช่าพื้นที่ขายของภายในมารีนากว่า 300 ร้าน เราได้ขอความร่วมมือให้พนักงานทุกคนไปฉีดวัคซีนให้ครบโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ สำหรับร้านอาหารแต่ละร้าน ได้จัดมาตรการรักษาระยะห่างตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกประการ เพิ่มเติมคือ ช้อนกับส้อมเราจะใส่ถุงปิดสนิทไว้ เพื่อให้ลูกค้านำไปเปิดใช้งานเองที่โต๊ะอาหาร
ตอนนี้เราได้เปิดพื้นที่ตรงโซนร้านอาหาร ซึ่งเป็นลานกว้างแบบโอเพนแอร์ ให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวทุกคน ได้มานั่งผ่อนคลายพร้อมฟังเพลงจากนักดนตรีเป็นประจำทุกวัน แม้จะมีการเปิดจังหวัด แต่ช่วงนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงโลว์ซีซันส์อาจมีนักท่องเที่ยวไม่หนาตา เหมือนกับช่วงปลายปี อย่าง กันยายนถึงธันวาคมสักเท่าไหร่ แต่โมเดลนี้ก็จะเป็นสัญญาณที่ดี ที่บอกว่าประเทศของเรากำลังจะก้าวไปข้างหน้าแล้ว”
อย่างไรก็ตาม มิ้งค์มองว่าความสำเร็จของโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ยังขึ้นอยู่กับผลการฉีดวัคซีนด้วย
“คนภูเก็ตควรได้รับวัคซีนประมาณ 70% ของประชากรทั้งหมด เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ประชาชนอย่างน้อย 466,000 คน ที่อาศัยอยู่บนเกาะภูเก็ตควรได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบโดส เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากรในจังหวัด และสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย”
เพราะอย่างไรการดูแลถึงความปลอดภัยของสุขภาพ ทั้งสำหรับคนในสายการท่องเที่ยว คนในสายอาชีพบริการ และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่ ที่จะส่งผลต่อความก้าวหน้าของประเทศต่อไป และการขยายผลของนโยบายแซนด์บอกซ์นี้ ที่จะสามารถช่วยให้การพัฒนาการท่องเที่ยวไปได้ทั้งประเทศ และช่วยเหลือเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้อย่างที่ตั้งใจไว้
Comments are closed.