เป็นนักธุรกิจสาวใหญ่มากความสามารถ ที่โดดเด่นทั้งเรื่องงานและแวดวงสังคมในเมืองไทยอีกคนหนึ่ง สำหรับ “แพร-พัชรพิมล ยังประภากร” เจ้าของแบรนด์ S’uvimol กระเป๋าหนังจระเข้แท้ ซึ่งเป็นที่หมายปองของเหล่าเซเลบริตีกระเป๋าหนักทั่วโลก และเมื่อไม่นานมานี้ เธอยังได้รับหน้าที่อันแสนท้าทายและเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตการทำงาน ด้วยการได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ของสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ (ไอวอรี่โคสต์) ทวีปแอฟริกาตะวันตก ประจำประเทศไทย โดยมีหน้าที่สำคัญในการดูแลชาวโกตดิวัวร์ที่พำนักอยู่ในประเทศไทย เป็นตัวแทนของไอวอรี่โคสต์ เข้าร่วมงานพระราชพิธีต่างๆ ในประเทศไทย และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้มี ความแน่นแฟ้นมากขึ้น
“สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ มีสถานเอกอัครราชทูตตั้งอยู่ที่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะมีหน้าที่ดูแลพลเรือนโกตดิวัวร์ในประเทศต่างๆแถบภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย และด้วยความที่ประเทศไทยได้มีการค้าขายกับสาธารณรัฐโกตดิวัวร์มาโดยตลอด เพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีความแน่นแฟ้นมากขึ้น สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ ประจำกรุงปักกิ่ง จึงได้ติดต่อมาทางกระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทย เพื่อให้คัดเลือกผู้มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมและเหมาะสม ให้เข้าดำรงตำแหน่งเป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ของสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ (ไอวอรี่โคสต์) ประจำประเทศไทย โดยมี ม.ล. ปรียพรรณ ศรีธวัช กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์แห่งสาธารณรัฐเปรู ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้สนับสนุน เพราะท่านได้เล็งเห็นว่าดิฉันเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม”
แต่กว่า แพร-พัชรพิมล จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ความสามารถ รวมไปถึงความเพียบพร้อมในทุกด้านอยู่ถึงปีกว่า
“ท่านเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ ประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน มร. อะดามา ดอสโซ (H.E. Mr. Adama Dosso) ได้บินลงมาสัมภาษณ์ด้วยตนเองที่กรุงเทพฯ เพื่อทำความรู้จักและดูความพร้อมของเรา เช่น การงานอาชีพที่สุจริต ไม่ผิดกฎหมาย สถานะทางสังคม บทบาทต่างๆ ตลอดจนสถานที่ตั้งกงสุล และการเป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ควรเป็นคนที่มีจิตใจดี มีจิตอาสา เสียสละ และทำงานเพื่อสังคม เพราะงานนี้นอกจากไม่มีเงินเดือนแล้ว ยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งหมดเอง ไม่ได้มีเงินสนับสนุนจากประเทศของเขา อาทิ ต้องมีสถานที่ตั้งกงสุลที่ดูเหมาะสม มีเจ้าหน้าที่ มีรถประจำตำแหน่ง และอื่นๆ เช่น ในการจัดงานวันชาติ เมื่อทางประเทศโกตดิวัวร์ ตัดสินใจเลือกเราเป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ทางกระทรวงการต่างประเทศ ก็ต้องเช็คประวัติเราเช่นกัน หลังจากนั้นเราจะได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ ประจำประเทศไทยค่ะ”
จากการตรวจคุณสมบัติของว่าที่กงสุลกิตติมศักดิ์จากทั้งสองประเทศ ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย เธอจึงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ โดยมีหน้าที่หลักคือ การสร้างสัมพันธไมตรีระหว่าง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้น และดูแลช่วยเหลือประชาชนชาวโกตดิวัวร์ ที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ช่วยส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และทำวีซ่าสำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปประเทศนี้
“ในประเทศไทยมีพลเรือนชาวโกตดิวัวร์ ประมาณ 300 คน ซึ่งอาศัยอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย โดยนักธุรกิจส่วนใหญ่ทำธุรกิจค้าพลอยอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี คาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนเพื่อทราบความเป็นอยู่ของพวกเขา”
แม้จะเพิ่งเข้ารับหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ (ไอวอรี่โคสต์) ประจำประเทศไทย ได้เพียงไม่กี่เดือน แต่ก็มีหลากหลายภารกิจที่ท้าทายในการดูแลพลเรือนชาวโกตดิวัวร์ มาทดสอบฝีมือกงสุลกิตติมศักดิ์คนใหม่ไม่น้อย
“ด้วยความที่เราเข้ามาดำรงตำแหน่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยพอดี ทำให้ชาวโกตดิวัวร์ ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ เราจึงต้องเข้าไปดูแล อย่าง เมื่อเดือนก่อนมีชาวโกตดิวัวร์ 2 คน เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำในข้อหาใช้หนังสือเดินทางปลอม ไม่สามารถกลับประเทศได้ และเมื่อพ้นโทษเขาไปอาศัยอยู่ในสถานกักกัน เราก็ส่งจดหมายแสดงความห่วงใยไปเยี่ยมเขา และส่งเสื้อโปโลไปให้เขาเป็นที่ระลึก และตอนนี้มีชาวโกตดิวัวร์อีก 3 คน ที่พาสปอร์ตหมดอายุไปแล้ว 2 คน และอีกคน กำลังจะหมดอายุ ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ยังไม่สามารถเดินทางไปต่อพาสปอร์ตที่กรุงปักกิ่งได้ เราจึงกำลังทำหนังสือไปยังสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงปักกิ่ง ว่าจะให้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้พวกเขาเหล่านี้มีโทษตามกฎหมายการเข้าเมือง”
ตลอดระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ แม้จะต้องเจอบททดสอบในการทำหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์ที่ผ่านมา ให้พิสูจน์ความสามารถ แล้วในหัวใจของ แพร-พัชรพิมล ยังเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ที่ครั้งหนึ่งเธอได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยในการสร้างสัมพันธไมตรีของทั้ง 2 ประเทศ ให้เป็นหนึ่งเดียว อันเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลอย่างหาที่สุดมิได้ อีกทั้งเธอยังภูมิใจที่ได้เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในการเพิ่มช่องทางการค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศให้มีความเจริญเติบโต และงอกงาม
“ตำแหน่งนี้ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่วงศ์ตระกูลเราเพราะต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ ถึงจะมาทำหน้าที่ได้ และทุกครั้งที่เราช่วยเหลือพลเมืองของโกตดิวัวร์ เรารู้สึกดีที่ได้ช่วยให้เขามีที่พึ่ง เพราะเวลาเราไปอยู่ต่างแดน ก็ย่อมอยากมีคนคอยช่วยเหลือเราเช่นกัน อีกภารกิจที่เราต้องขับเคลื่อนหลังจากโควิด-19 หมด คือการส่งเสริมให้นักธุรกิจไทย ไปเปิดตลาดการค้าที่โกตดิวัวร์ และชักชวนนักธุรกิจจากที่นั่นมาเปิดตลาดที่ประเทศไทย เราอาจจัดงานแสดงสินค้าไทยที่โกตดิวัวร์ หรือจัดงานแสดงสินค้าจากโกตดิวัวร์ ที่ประเทศไทย เพราะโกตดิวัวร์เป็นผู้ส่งออกเมล็ดโกโก้มากเป็นอันดับ 1 ของโลก”
ในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากแบรนด์ S’uvimol จะไปโด่งดังที่ ดูไบ กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย ญี่ปุ่น แล้ว คงจะได้ไปผงาดในใจเศรษฐีชาวโกตดิวัวร์อย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ท่านกงสุลป้ายแดง ยังได้เชิญชวนให้นักลงทุนไทยเปิดใจรับตลาดใหม่ ประเทศนี้กำลังเริ่มพัฒนา เหมาะแก่การทำธุรกิจด้วย ซึ่งถ้าท่านใดสนใจนำสินค้าไปขาย สามารถติดต่อได้ที่ อีเมล [email protected] โทร. 0-2240-2688
Comments are closed.