World Celeb

เสียงสะท้อนหลังบทสัมภาษณ์เมแกน-เจ้าชายแฮร์รี่

Pinterest LinkedIn Tumblr


เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล เปิดใจให้สัมภาษณ์แบบหมดเปลือกครั้งแรก กับโอปราห์ วินฟรีย์ เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเบื้องหลังเบื้องลึกสำคัญในการตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นสมาชิกราชวงศ์ เหตุใดหนูอาร์ชี่จึงไม่ได้เป็นเจ้าชาย ฯลฯ แต่ละบทแต่ละตอนในเนื้อหาการให้สัมภาษณ์ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องอ้าปากค้าง…


คริส เมอร์ฟี่ นักเขียนของเว็บไซต์ วัลเชอร์ บอกว่า ทุกคนต่างตกตะลึงกับเรื่องราวที่ได้ยิน “โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าชายแฮร์รี่ตรัสว่า พระบิดาและพระเชษฐาไม่ทรงรับโทรศัพท์ของพระองค์เลย ทุกคนสงสัยว่า เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”


คาเรน แอตติยาห์ เขียนคอลัมน์ลงวอชิงตัน โพสต์ “เมื่อวาน กาน่า ฉลองวันครบรอบการได้เอกราชจากอังกฤษ วันนี้ เจ้าชายแฮร์รี่กับเมแกน ออกมาพูดกับโอปราห์ — ช่างเป็นสุดสัปดาห์แห่งการแอนตี้อาณานิคมโดยจริงแท้! ขอจิบชาอังกฤษสักแก้วให้เข้าบรรยากาศดีกว่าค่ะ”


ขณะที่ ซิลเวีย โอเบลล์ ผู้สื่อข่าวบันเทิงชื่อดัง บอกว่า ตกใจกับความเชื่อของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่บอกว่า เจ้าหญิงไดอาน่า ได้ทิ้งมรดกเอาไว้ให้พระองค์ ราวกับจะทรงทราบล่วงหน้าว่า วันหนึ่งพระองค์จะต้องการเงิน เพราะว่าต้องยุติบทบาทการเป็นสมาชิกราชวงศ์

“แม่เจ้า ไม่อยากจะเชื่อเลย เจ้าหญิงไดอาน่าทรงมองเห็นอนาคต มหัศรรย์จริงๆ” ซิลเวียกล่าว

ขณะที่ทั้ง 2 พระองค์ทรงถูกสื่อจำนวนมากตามติด โดยเฉพาะการนำมาเปรียบเทียบกับกรณีของเจ้าหญิงไดอาน่า ที่ทรงถูกปาปาราซซี่ตามติด จนต้องสิ้นพระชนม์อย่างน่าเศร้าในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในปี 1997 เจ้าชายแฮร์รี่ ทรงบอกว่า ทรงกังวลตลอดว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยกับเมแกน


“ฉันจำได้ว่า ตอนที่เจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์ เจ้าชายทั้ง 2 พระองค์ทรงอยู่ที่บัลเมอรัล แต่ทั้ง 2 พระองค์ต้องเสด็จกลับลอนดอนทันที ให้ชาวอังกฤษได้เห็นว่า พระองค์ทรงโศกเศร้าขนาดไหน ฉันว่าตอนนั้นมันเหมือนปาหี่เลย ดูเป็นการจัดฉากแสดงความเศร้าแบบเฟคๆ” จานีย์ ก็อดลีย์ นักแสดงตลกชาวอังกษาทวีตความคิดเห็น


“ในฐานะที่เป็นคนอังกฤษ ผมรู้สึกว่าต้องออกมาพูดอะไรสักอย่าง” เจมส์ เพรสคอต นักเขียนอิสระบอกว่า “หลายๆ คนเชื่อในตัวของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล พวกเราเห็นกันอยู่ว่า เจ้าหญิงไดอาน่าทรงถูกปฏิบัติอย่างไร พวกเรารู้จักกับระบบของสำนักราชวังอังกฤษกันดี สำหรับคนที่เชื่อในสื่อ เชื่อในสำนักราชวังฯ พวกฝ่ายขวาจัด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเหยียดผิว กลุ่มเดียวกับพวกสนับสนุนเบร็กซิต แต่ไม่ใช่คนอังกฤษทั้งหมด”

ระหว่างการให้สัมภาษณ์สุดดราม่า มีคนเห็นผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์ภาพแอนิเมชัน เป็นรูปผีกำลังตามหลอกหลอนสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบท ที่ 2 อยู่ในพระราชวังบัคกิงแฮม

คลิปวิดีโอตอนที่เจ้าชายแฮร์รีทรงให้สัมภาษณ์ว่า “เราไม่เคยอยากอยู่ที่วินด์เซอร์นานๆ เราไม่ชอบอยู่ในอังกฤษมากนัก จะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ออกมาห่างๆ จากสื่อพวกนั้น ไม่ต้องไปอ่านสิ่งที่พวกเขาเขียนเกี่ยวกับเรา” มีคนเข้ามาชมมากกว่า 350,000 วิว พวกเขายังกล่าวถึงลูกสาวคนใหม่ที่กำลังจะมาเกิดด้วยว่า ดีใจที่ไม่ต้องเติบโตมาท่ามกลางข่าวคราวบนแท็บลอยด์ของอังกฤษ

ในฝั่งของคนที่ไม่สนใจเรื่องข่าวราชวงศ์หรือกอสซิป ก็ออกมาให้ความเห็นว่า ที่เจ้าชายแฮร์รี่กับเมแกน ออกมาให้สัมภษษณ์แบบนี้ ดูต้องการเรียกร้องความสนใจมากเกินไป

“ผมไม่เข้าใจว่าการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้จะมีประโยชน์อะไรกันคนทั่วๆ ไป นอกจากเป็นเรื่องเมาท์ไปวันๆ ดูแล้วเราได้อยู่แมนชั่นหรูฟรีๆ หรือได้เงินรางวัลสัก 10 ล้านมาเยียวยาช่วงโควิดมั้ย? ก็ไม่นะ” ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์หลังรายการออกอากาศ

“ฉันคิดแบบนี้คนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายทวีต “ในยุคโควิดระบาด ผู้คนในโลกต่างก็พยายามจะเอาชีวิตรอด พวกเขาสนใจเรื่องการได้รับวัคซีน หรือทำยังไงเศรษฐกิจจะดีขึ้น จะชดใช้หนี้สินครัวเรือนยังไง ไม่ใช่ชีวิตเศร้าของแฮร์รี่-เมแกนละมั้ง”


เพียร์ มอร์แกน จากรายการ กูดมอร์นิง บริเทน ออกมาบอกว่า “เรายังไม่อยากให้บทสัมภาณ์นั่นจบเลย มันรวบรัดเกินไปนะ ผมว่า” เขายังบอกด้วยว่า เมแกน เป็นนักแสดงเก่า “ผมว่า เธอต้องใส่การแสดงเข้าไปบ้างแหละ ระหว่างให้สัมภาษณ์ เอ่อ… เขาเสนอชื่อคนเข้าชิงออสการ์กันไปหมดหรือยังล่ะ ผมขอเสนอนักแสดงนำยอดเยี่ยม เมแกน มาร์เคิล”

“ในที่สุด ก็มีคนเบื่อคู่นี่เหมือนฉันสินะ” ผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายโพสต์ “ฉันหวังว่า บทสัมภาษณ์นี้จะเป็นจุดเริ่มของการตั้งคำถามเกี่ยวกับสถาบัน เราควรจะรู้สึกละอายมั้ยที่เรายังมีราชวงศ์อยู่ เราควรรู้สึกละอายมั้ย ที่เราทำให้ทั้งคู่ต้องหนีออกจากประเทศนี้ไป”


ขณะที่คนที่เห็นอกเห็นใจทั้งคู่ก็มีอยู่ “ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งคู่ต้องละทิ้งชีวิตแบบมหาเศรษฐีและฐานันดรศักดิ์ ไปมีชีวิตแบบเศรษฐีธรรมดาๆ ผมว่า มันแตกต่างกันอย่างมากเลยทีเดียว” เคร็ก สโตน นักเขียนชาวอังกฤษบอกอีกว่า เขาขอให้แฮร์รี่และเมแกน มีความสุขในเส้นทางที่เลือก และสามารถฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ด้วยดี”

Comments are closed.

Pin It