เพราะบ้านคือวิมาน การจะเลือกบ้านสักหลังจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ต้องดูตั้งแต่ทำเลที่ตั้ง การออกแบบ สังคมสภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขของคนในครอบครัว ร่วมไปถึงความคุ้มค่าในอนาคต ซึ่ง ชาญอิสสระ ได้เปิดโครงการแห่งใหม่ที่สามารถตอบได้ทุกโจทย์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ด้วย Issara Residence Rama 9 ภายใต้คอนเซ็ปต์ อนันตกาลแห่งความสุข ใจกลางเมือง (An infinite happiness of urban living)
Issara Residence Rama 9 บ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ ในราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ในส่วนของ New CBD บนถนนพระราม 9 ใกล้แหล่งไลฟสไตล์สำคัญๆ ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ชอปปิ้ง แฮงก์เอาท์ แถมยังมีการคมนาคมสะดวกสบาย ทั้งรถไฟใต้ดิน ทางด่วน ฯลฯ เชื่อมต่อไปยังสุขุมวิท อโศก ทองหล่อ เอกมัย ได้อย่างง่ายดาย เป็นการอยู่ในเมืองที่ยังคงมีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง ด้วยคุณภาพของผู้ร่วมสังคมที่จำกัดเพียง 20 หลังเท่านั้น
โครงการได้ทางบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) เป็นผู้ออกแบบ ด้วยโจทย์ที่ต้องอยู่สบาย และอำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัย นำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ พร้อมใช้แนวคิดหลักการของธรรมชาติมาช่วยสถาปัตยกรรม อย่างการป้องกันแดด การระบายอากาศ รวมทั้งการอาศัยพลังงานต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมภายนอกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับที่อยู่อาศัย
ด้วยแนวคิด “บ้านล้อมสวน” ทำให้บ้านสามารถรับแสงจากธรรมชาติมากขึ้น ติดตั้งโซลาเซลล์ และยังเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจึงใช้กระจกสูงถึงฝ้า และดีไซน์ให้มีชายคาที่ยื่นยาวผสมกับองค์ประกอบตกแต่งที่มีลักษณะเหมือนแผ่นไม้แนวตั้งสำหรับการบังแดด และเพิ่มความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังสามารถช่วยลดพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นในอาคารได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับบ้านโครงการอื่นที่มีปริมาณกระจกเท่ากัน ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ แต่ไม่รู้สึกร้อน พร้อมกันนี้ยังมีการออกแบบ Super living – dining ที่มีความสูงของพื้นถึงฝ้าถึง 9 เมตร ทำให้บ้านดูโอ่โถง เพิ่มความหรูหรา และมีการถ่ายเทอากาศที่ดีทุกห้อง
บ้านมีทั้งหมด 3 แบบ ASHER, BRAYDEN, และ CEDRIC ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นตั้งแต่ 700 ตารางเมตร พร้อมมีสระว่ายน้ำ ตัวบ้านเป็นโครงสร้าง 3 ชั้น มีลิฟต์เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ รวมทั้งมีการทำทางลาดเอียงสำหรับเข้าบ้านสำหรับผู้ใช้วีลแชร์ หรือผู้สูงวัย สำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่อาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่สะดวกกับการอยู่แบบครอบครัวขยาย บนชั้น 3 เขาก็ออกแบบให้สามารถอยู่แยกได้อย่างเป็นส่วนตัวแบบไม่ต้องแยกครอบครัวออกไป
ตอบสนองไลฟสไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยระบบ Home Automation นำเอาอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านมาทำงานร่วมกันแบบอัตโนมัติ โดยอาศัยการควบคุมผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet of Things : IoT) โดยจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และยังช่วยประหยัดพลังงานได้ โดยการ Control ผ่าน Mobile Application บน Smart Phone หรือ Tablet ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเช็กว่าปิดไฟรึยัง ล็อกประตูเรียบร้ายไหม และยังสามารถแจ้งเตือนผ่านมือถือเมื่อมีผู้บุกรุก หรือมีสัญญาณตรวจจับควันไฟ ระวังไฟไหม้ให้เจ้าของบ้านได้ทราบได้ในทันที อีกทั้งยังสามารถสั่งเปิดไฟ หรือเปิดแอร์ไว้ล่วงหน้าได้ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยแบบที่มีการเต็มที่
นอกจากนี้โครงการยังมีบริการ Lifestyle Concierge Service บริการที่จะช่วยสร้างไลฟ์สไตล์ความเป็นส่วนตัว แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้แก่ลูกบ้านภายในโครงการ อีกทั้งยังมีงานบริการด้านต่างๆ ไว้คอยดูแลและอำนวยความสะดวก อาทิ บริการด้านโฮมแคร์ ที่จะช่วยดูแลและบำรุงรักษาตั้งแต่เรื่องภายในบ้านและภายนอกบ้านอย่างครบครัน, บริการด้านสุขภาพที่ช่วยให้ลูกบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น, บริการด้านการจัดเลี้ยง จัดกิจกรรมที่ครบวงจร และบริการผู้ช่วยส่วนตัวที่จะคอยดูแลให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นในทุกๆ เรื่องเมื่อเข้ามาอยู่ภายในโครงการ
บริเวณของส่วนกลางมีทั้งสวนแสนรื่นรมย์ และมีคลับเฮาส์ที่มีความทันสมัย ที่มีฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือที่ออกแบบให้ความเป็นส่วนตัว ล้อมด้วยร่มไม้และเปิดโล่งเห็นท้องฟ้า พร้อมมีห้องสตรีม แยกชายหญิง สำหรับชั้นล่างสุด เป็นลานอเนกประสงค์ ห้องประชุม
ที่สำคัญโครงการนี้ยังได้รับรางวัล ชนะเลิศ ในหมวด งานออกแบบสถาปัตยกรรมของบ้านพักอาศัย (ประเทศไทย) จากงาน Property Guru Thailand Property Awards 2017 เวทีการแข่งขันระดับประเทศ ที่ได้มีการคัดเลือกบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยกว่า 160 โครงการจาก 72 บริษัท เพื่อเฟ้นหาบริษัทที่มีความเป็นเลิศในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสายงาน
Lifestyle
Comments are closed.