Beauty

รู้หรือไม่? สาวรักแต่งหน้า เสี่ยงสารเคมีสะสมปีละ 2 กิโลกรัม

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันผู้หญิงถึง 70% แต่งหน้า และในขณะที่เหล่าสาวๆ กำลังสนุกกับการแต่งหน้า มีภัยร้ายตัวหนึ่งแฝงตัวคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที รู้กันหรือไม่ว่าในเครื่องสำอางที่ใช้กันอยู่แทบจะทุกวันนั้นมีส่วนประกอบของสารเคมีอยู่ระหว่าง 80 – 90% ซึ่งถ้าหากสาวๆ ไม่ดูแลปกป้องผิวหน้ากันอย่างดีแล้ว นอกจากจะได้ผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเป็นของแถม ยังเสี่ยงต่อการสะสมสารเคมีในร่างกายถึงปีละ 2 กิโลกรัม ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับผิว ความผิดปกติด้านฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งก่อเกิดมะเร็งได้

“ในการแต่งหน้าแต่ละครั้งนั้น ผิวหนังสามารถซึมซับสารเคมีจากเครื่องสำอางเข้าสู่ร่างกายได้ถึง 60% อันเป็นสาเหตุเบื้องต้นของผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเหี่ยวย่น เนื่องจากผิวหน้าได้รับออกซิเจนน้อยลงทำให้เซลล์เสื่อม และดูมีอายุก่อนวัย ถึงแม้จะมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีก่อนนอน ดังนั้นยิ่งผู้หญิงยิ่งแต่งหน้าหนามากเท่าไหร่ จะยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการดูแก่ก่อนวัยและผิวหมองคล้ำมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นไม่ควรใช้สำอางมากชนิด ควรใช้แต่พอควร และรีบล้างออกทันทีเมื่อหมดวัน หากทิ้งไว้อาจเป็นต้นกำเนิดของแบคทีเรียต่างๆ ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นที่มาของผื่นแพ้และเป็นสิว” นพ.วรพล สุขีวัฒนา หรือ ดร.โทนี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ กล่าว

ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงปัญหาผิวหนังที่เกิดขึ้นทันทีหรือในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่า ผู้หญิงซึมซับสารเคมีจากเครื่องสำอางทุกชนิดเฉลี่ยปีละเกือบ 2 กิโลกรัม ในขณะที่เอนไซม์ในน้ำลายและ น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารอาจทำลายสารเคมีในลิปสติกได้ แต่ถ้าเป็นเครื่องสำอางที่ซึมซับผ่านทางผิวหนัง และทางกระแสเลือดนั้นไม่สามารถป้องกันได้เลยและจะไปสะสมที่ตับ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถกำจัดออกทางผิวหนังและการขับถ่ายได้ เป็นสาเหตุของผดผื่น ซึ่งเป็นผลจากการขับพิษตามธรรมชาติออกจากร่างกายทางหนึ่ง เป็นเหตุให้สาวๆ ผู้รักสวยรักงามต้องหันมาใส่ใจและเลือกซื้อเครื่องสำอางกันมากขึ้น โดยให้ความใส่ใจกับส่วนผสมต่างๆ เพราะสารบางตัวนั้นเป็นต้นเหตุของมะเร็ง บางตัวมีผลทำให้ฮอร์โมนผู้หญิงลดลง ประจำเดือนหมดเร็ว ก่อนจะซื้อเครื่องสำอางจึงควรระวัง 5 อันดับต้นๆ ของสารเคมีที่มีอันตรายต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้

1. พาราเบน (Paraben) สารกันเสียที่นิยมใช้อย่างมากในกลุ่มเครื่องสำอางจำพวกผิวหนัง ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมทำความสะอาด รวมถึงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นหรือโรลออน เนื่องจากราคาถูกจึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในรูปของเมทิลพาราเบน (Methylparaben) และเอทิลพาราเบน (Ethylparaben) มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สารเคมีตัวนี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและกระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการสะสมในร่างกาย หลายองค์กรจึงรณรงค์ให้หลีกเลี่ยงการใช้พาราเบนที่พบว่าเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว อาจขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ ทำให้มีความผิดปกติด้านฮอร์โมน (Hormone imbalance) และอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม

2. ทาล (Talc) เป็นสารเคมีอีกหนึ่งชนิดที่สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะถ้าใช้แหล่งวัตถุดิบไม่ดีอาจเกิดการปนเปื้อนของสารชนิดที่เรียกว่า ‘Asbestos’ แต่ต้องได้รับเป็นจำนวนมากจึงส่งผลร้ายต่อร่างกายได้ ทาลเป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบมากที่สุดในเครื่องสำอางประเภทแป้งตลับ อายแชโดว์ชนิดฝุ่น หรือพวกบลัชออน เป็นต้น โดยทำหน้าที่เป็นสารช่วยหล่อลื่นทำให้รู้สึกลื่นเมื่อสัมผัส ไม่จับตัวเป็นก้อน

3. Petroleum Derivative เป็นสารเคมีที่ได้มาจากการแยกน้ำมันปิโตรเลียม และถูกนำไปเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางหลายประเภท อาทิ ครีมรองพื้น โฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว เพื่อทำหน้าที่เก็บกักความชุ่มชื่นผิว โดยการเคลือบผิวไว้ แต่ด้วยความที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่และผ่านกรรมวิธีทางเคมี จึงอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ผิวอุดตันและเกิดสิวได้ และหากสะสมในประมาณมากพอสมควรอาจเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของผิว ทำให้ฮอร์โมนและภูมิคุ้มกันในเพศหญิงอ่อนแอ

4. สารตะกั่ว (Lead) อาจจะปนเปื้อนมาจากการสกัดส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางเป็นสารต้องห้าม เนื่องจากหากดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอาการปวดบิดในท้องอย่างรุนแรงโดยหาสาเหตุไม่พบ ร่วมกับอาการท้องผูก หรือถ่ายเป็นเลือด อาจมีอาการซีด อ่อนแรง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายเร็วขึ้น และลดอัตราการสร้างเม็ดเลือดแดง ระบบประสาททั่วร่างกายผิดปกติ กฎหมายกำหนดไว้ว่าอาจพบสารตะกั่วได้ในอัตราส่วนไม่เกิน 20 ส่วนในล้านส่วนโดยน้ำหนัก หากพบว่าผลิตภัณฑ์ใดมีสารตะกั่วเกินกว่านี้ จะเข้าข่ายเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย

5. สารปรอท (Mercury) เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการการแพ้หรือระคายเคืองได้อย่างรุนแรง อันตรายต่อระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ มักพบในเครื่องสำอางที่ทำให้สีผิวจาง ลดสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ที่ไม่ได้มาตรฐาน สารปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น สูดดมเข้าทางปอด หรือถูกดูดซึมผ่านทางลำไส้เล็กหากมีการกลืนกินเข้าไป แม้แต่การทาที่ผิวหนัง สารปรอทก็จะถูกดูดซึมเข้าไปสะสมในร่างกาย

ทางที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีสารจำพวกนี้ ใช้เครื่องสำอางพอควรไม่มากชนิด และควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้ง หรือหากเลี่ยงไม่ได้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สามารถป้องกันการซึมเข้าผิวของสารเคมีชนิดต่างๆ (Chemical protective shield) จะสามารถปกป้องผิวจากสารเคมีในเครื่องสำอาง ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและลดอัตราเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ ได้ :: Text by FLASH

Comments are closed.

Pin It