ใครอยากกินเจ แบบที่ไม่จำเจยกมือขึ้น!!! ได้เลยค่ะ เทศกาลกินเจปีนี้ผู้เขียนขอเปลี่ยนอรรถรสอาหารเจที่กินแล้วปากมันเยิ้ม มาเป็นอาหารเจแปนนิส สไตล์หรืออาหารเจแบบญี่ปุ่นกันบ้างดีกว่า ความจริงคนญี่ปุ่นไม่กินเจกัน แต่เชฟญี่ปุ่นในเมืองไทยต่างก็ช่วยรังสรรค์อาหารจานเจให้มีสีสันแปลกใหม่เข้าร่วมในเทศกาลนี้
อาหารญี่ปุ่นเน้นที่รสแบบธรรมชาติมากกว่าการปรุงแต่งเพื่อเพิ่มอรรถรสของอาหาร ดังนั้นกรรมวิธีการทำอาหารญี่ปุ่นจึงเรียบง่ายไม่ซับซ้อนมาก เพื่อไม่ทำลายความอร่อยของรสชาติธรรมชาติที่มากับวัตถุดิบ ปรัชญานี้จึงเข้ากันกับรูปแบบของอาหารเจเป็นอย่างมากที่เมื่อไม่มีเนื้อสัตว์มาเป็นตัวช่วยแล้ว ความสดของวัตถุประเภทผักต่าง ๆ จึงกลายมาเป็นพระเอกเต็มตัว โดยมีตัวช่วยซึ่งเป็นพระรองเป็นเต้าหู้และถั่วต่าง ๆ
และที่สำคัญคืออาหารเจแบบญี่ปุ่นนั้นเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแท้จริง เพราะแทบจะไม่มีแป้งหรือน้ำมันพืชมาปรุงแต่ง นอกจากจะได้สารอาหารแล้วกินเจปีนี้ยังไม่อ้วนอีกด้วย
วันนี้ชวนไปชิมเจฝีมือของ เชฟชิเงรุ ฮางิวาระ ห้องอาหารยามาซาโตะ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เชฟชิเงรุชาวญี่ปุ่นวัย 50 กว่าปี มีความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารญี่ปุ่นมาตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ เรียกได้ว่าเป็นเชฟที่เข้าถึงปรัชญาในการทำอาหารในแบบฉบับของญี่ปุ่นที่เน้นความอร่อยที่มาจากธรรมชาติแท้จริง
ในเทศกาลเจช่วงนี้ นอกจากจะบริการอาหารปกติแล้ว เชฟชิเงรุยังทำจานพิเศษที่เป็นเจอีก 18 เมนูมาให้คนถือศีลกินเจได้ลิ้มลองความอร่อยกัน
กินอาหารญี่ปุ่นควรเริ่มจานแรกแบบเบา ๆ กันก่อน จานแรกคือ แป๊ะก้วยเต้าหู้ ( 370 บาท++) คนญี่ปุ่นได้ชื่อว่ากินเต้าหู้เก่ง และเต้าหู้ญี่ปุ่นก็ไม่เหมือนชาติไหน เพราะคัดเลือกถั่วเหลืองอย่างดีมาทำจึงได้กลิ่นที่หอม และรสสัมผัสแบบนุ่ม ๆ เด้ง ๆ จานนี้เชฟนำแป๊ะก้วยไปบดแล้วผสมลงไปในเนื้อเต้าหู้ด้วย ราดด้วยซอสโชวหยุที่ออกหวานเล็กน้อย
ดูไปเรียบง่าย แต่รสชาติอร่อยมาก ๆ เนื้อเต้าหู้หอมได้แป๊ะก้วยเป็นตัวช่วยให้หวาน มีซอสมาช่วยให้มีความหอมอีกเล็กน้อย เป็นจานเริ่มต้นที่ฟินจริง ๆ
Raw Tofu Skin ( 350 บาท++) คือฟองเต้าหู้ที่เรากินกับน้ำเต้าหู้นั่นเอง แต่ฟองเต้าหู้ของเชฟนั้นพิเศษและอร่อยมากตรงที่นุ่มละมุนเหมือนกินตัวเต้าหู้เลย แถมยังหอมกลิ่นของถั่วเหลืองราดด้วยซอสโชวหยุเหมือนจานแรก
Salad Soba (300 บาท++) จานนี้คือสลัดเส้นโซบะเย็น เป็นอีกจานที่เปี่ยมด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะเส้นโซบะทำจากเมล็ดบัควีดที่คนจีนและญี่ป่นนิยมนำมาเส้นบะหมี่และแผ่นเกี๊ยว เชื่อว่ามีสรรพคุณมากมายทั้งลดความดันโลหิต ปรับการทำงานของลำไส้ ช่วยระบายท้อง
อีกอย่างคือสารพัดผักสลัดใบสดกรอบที่วางอยู่บนเส้น ส่วนน้ำสลัดทำจากงาขาวบดเหยาะด้วยเวนิก้า อร่อยถูกใจมาก เพราะเชฟปรุงน้ำสลัดให้มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เวลากินสลัดแล้วกลมกล่อมหอมอร่อย เบาสบายปากอย่างบอกไม่ถูก
อาหารจานหลักที่ขอแนะนำว่าต้องสั่งมากินให้ได้ มิฉะนั้นถือว่าพลาดไปอย่างน่าเสียดายคือ เมนู Fig and Avocado with Mushroom dressed with thick sauce ( 350 บาท ++) ชื่อยาวไปหน่อย แปลสั้น ๆ ง่าย ๆ คือเชฟจะนำอโวคาโดและผลมะเดื่อฝรั่งมาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วชุบแป้งทอดให้กรอบเล็กน้อย ราดด้วยเห็ดญี่ปุ่น 3 ชนิดที่คลุกเคล้ามากับซอสที่รสออกเค็ม ๆ หอม ๆ
จานนี้อร่อยเทใจให้หมดเลยค่ะ แถมสรรพคุณล้นชามเมื่อเทียบกับราคา !!
จานสุดท้ายขอลองข้าวปั้นสักหน่อย Avocado sushi roll ( 250 บาท ++) ซูชิคำนี้ไม่ง้อเนื้อสัตว์ เพราะสอดไส้ด้วยอโวคาโดที่มีรสชาติมัน ๆ และแทนที่จะคลุกกับไข่กุ้งสีส้ม เชฟก็คลุกกับงาขาวก็ให้ความหอมได้ไม่แพ้กัน
จบ 5 เมนูเจสไตล์เจแปนในอารมณ์ชื่นมื่นมาก ๆ ไม่มันไม่เลี่ยนพราะไม่มีอาหารที่ผัดด้วยไขมันเลย จึงเป็นเมนูเจที่สบายปาก พกพาสุขภาพดี ๆ กลับบ้านได้ค่ะ
เทศกาลอาหารเจของห้องอาหารยามาซาโตะ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ก.ย.-2 ต.ค. 2557 สนนราคาอาหารเจ 200 – 380 บาท ++ เปิดให้บริการทุกวัน มื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11.30 น ถึง 14.30 น. และมื้อค่ำตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 22.30 น
ห้องอาหารยามาซาโตะ ตั้งอยู่ที่ชั้น 24 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ โทร. 02-687-9000
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.