ญี่ปุ่นเป็นเดสทิเนชั่นสุดโปรดของคนไทยที่ในแต่ละปีมีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่อาจจะไปตามแหล่งที่ยอดนิยมอย่าง โตเกียว เกียวโต โอซาก้า หรือฮอกไกโด แต่ญี่ปุ่นยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย ยังมีเสน่ห์อีกเยอะที่รอคุณไปสัมผัส อย่างในแถบภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่า ภูมิภาคชูบุ ซึ่งมีเมืองและสนามบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ อย่างนาโกย่า และ สนามบินชูบุ เซ็นแทรร์ นาโกย่า
แคมเปญล่าสุดที่จะพาคุณไปสัมผัสกับความงดงามในโซนภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น อย่าง “Next Landing Nagoya” ที่ชวนนักท่องเที่ยวไทย สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุ แหล่งรวมวัฒนธรรมใจกลางญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมายภายในภูมิภาค โดยสามารถเดินทางจากเมืองนาโกย่าได้อย่างสะดวกสบาย อาทิ หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ หนึ่งในออนเซ็นชื่อดัง เกโระ ออนเซ็น พิพิธภัณฑ์นินจาอิงะ ฯลฯ
ในวันเปิดแคมเปญ ภายในงานได้มีนินจาจากญี่ปุ่นบุกมาเซอร์ไพรส์ สร้างความตื่นเต้นและประทับใจให้กับแขกผู้มีเกียรติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการเสิร์ฟชาเขียวสูตรต้นตำรับ พร้อมร่วมประทานอาหารเมนูพิเศษ อาทิ หมูทอดมิโซะคัตซึ และข้าวหน้าปลาไหลฮิตสึมาบูชิ ที่อร่อยเหมือนบินไปชิมเองที่นาโกย่ากันเลยทีเดียว
นายฮารุโนริ นิชิกุจิ ผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “สนามบินชูบุ เซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport) เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ภูมิภาคชูบุ หรือภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น สนามบินอยู่ห่างจากตัวเมืองนาโกย่าออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟได้อย่างสะดวกสบาย ภายในเวลาเพียง 28 นาที เมืองนาโกย่าเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น รองจาก โตเกียวและโอซาก้า และตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสองเมืองนี้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ในภูมิภาคชูบุและใกล้เคียงได้อย่างง่ายดาย เช่น ทาคายามะ (Takayama) ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) แล้วคุณจะได้ทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น”
พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมกับ วีเจจ๋า-ณัฐฐาวีรนุช ทองมี เจ้าของรายการท่องเที่ยว J Journey by VJ JA ผ่านทางช่อง Youtube นำเสนอประสบการณ์การเดินทางสู่ภูมิภาคชูบุ ซึ่งเริ่มต้นเดินทางจากเมืองนาโกย่าอย่างสะดวกสบาย เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันน่าหลงใหล สนุกสนานเพลิดเพลิน ชมทัศนียภาพที่สวยงาม พร้อมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เมนูอาหารเด็ดน่าลองอย่าง ข้าวหน้าปลาไหลย่าง (ฮิตสึมาบุชิ) มิโซะคัตสึ หมูทอดทงคัตซึราดซอสมิโซะรสชาติเข้มข้น ที่คุณไม่ควรพลาด เพื่อชวนให้นักท่องเที่ยวไทยได้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวใหม่มากขึ้น
ระยะเวลา 4 วันที่วีเจจ๋าได้เดินทางไปสัมผัสกับเสน่ห์แห่งชูบุ ได้พบกับกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างการไปหมู่บ้านอาม่าจัง การดูการจับปลาด้วยนกกาน้ำ ไปเยือนหมู่บ้านมรดกโลก ได้ไปเรียนรู้วิถีแห่งนินจา เยือนเมืองแห่งออนเซนที่ขึ้นชื่อของประเทศ
วีเจจ๋า กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ภูมิภาคชูบุมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่จ๋าเคยคิดไว้มากๆ ทั้งธรรมชาติที่สวยงาม อาหารท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะเมนูเนื้อมัตสึซากะ ที่ตัวเนื้อเนียนนุ่ม ละลายในปาก และหารับประทานไม่ได้ในภูมิภาคอื่น ผู้คนก็อัธยาศัยดีเป็นกันเอง ซึ่งจ๋าว่าเหมาะกับทั้งพาเพื่อน พาแฟน หรือพาครอบครัวมาเที่ยว ได้หมดเลยค่ะ
จ๋าเคยไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งทุกครั้งก็ประทับใจ แต่ทริปนี้ถือว่าประทับใจเป็นพิเศษเลยก็ว่าได้ จ๋าก็อยากชวนนักท่องเที่ยวคนไทยลองมาเที่ยว มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ จากภูมิภาคนี้แบบจ๋ากันค่ะ โดยสามารถติดตามภาพอันสวยงามและน่าประทับใจของทริปนี้ได้ที่อินสตาแกรม #NextLandingNagoya นะคะ”
ทั้งนี้สามารถติดตามรายการ J Journey by VJ JA กับแคมเปญ “Next Landing Nagoya” ได้ที่ยูทูป www.youtu.be/cJ7Nmab7G70
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในภูมิภาคชูบุ
ภูมิภาคชูบุมีแหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์มากมาย ซึ่งสามารถเดินทางจากเมืองนาโกย่าไปท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย ได้แก่
ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) จังหวัดกิฟุ
หมู่บ้านโบราณกลางหุบเขาอันสวยงามที่ได้รับการคัดเลือกจากองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1995 ให้เป็นหมู่บ้านมรดกโลก ด้วยบ้านที่ปลูกสร้างแบบญี่ปุ่นโบราณทรงกัสโช ที่บางหลังมีอายุมากกว่า 250 ปีและใช้วัสดุในการสร้างจากธรรมชาติทั้งหมด หลังคาบ้านมุงด้วยต้นหญ้าที่ปลูกในหมู่บ้านและมีความชันถึง 60 องศาเพื่อป้องกันหลังคาพังทลายเมื่อหิมะตกหนัก ซึ่งการก่อสร้างบ้านแบบกัสโชทั้งหลังจะไม่มีการใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว หมู่บ้านชิราคาวาโกะแห่งนี้ประกอบไปด้วยบ้านประมาณ 200 หลังที่ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่จริง และบางหลังเปิดเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสประสบการณ์ค้างคืนในบ้านโบราณแบบกัสโชอีกด้วย
เกะโระ ออนเซ็น (Gero Onsen) เมืองเกะโระ จังหวัดกิฟุ
ชุมชนเก่าแก่ “เกะโระ ออนเซ็น” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮิดะ เกิดขึ้นเมื่อราว 400 ปีก่อนในช่วงยุคเอโดะ เป็นแหล่งรวมของบ่อน้ำร้อนออนเซ็นจำนวนมาก ซึ่งบางแห่งเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง และบางแห่งนักท่องเที่ยวสามารถแช่เท้าเพื่อผ่อนคลายได้ฟรี หนึ่งในนั้นคือออนเซ็นชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น Suimeikan ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ออนเซ็นที่ดีที่สุดในประเทศ ด้วยบรรยากาศที่สวยงามแบบเปิดโล่งให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์ในการแช่น้ำร้อนพร้อมชมทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองและเทือกเขา พร้อมรื่นรมย์ไปกับกลิ่นหอมของไม้ที่นำมาสร้างเป็นเรือนพัก จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งบริเวณนี้คือ หมู่บ้านโบราณเกะโระ ทางด้านเหนือของเมืองที่มีบ้านแบบญี่ปุ่นโบราณกัสโชประมาณ 10 หลัง
พิพิธภัณฑ์นินจาอิงะ (Iga Ninja Museum) เมืองอิงะ จังหวัดมิเอะ
พิพิธภัณฑ์นินจาอิงะ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่เป็นต้นกำเนิดนินจาของประเทศญี่ปุ่น โดยในศตวรรษที่ 15 หมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ฝึกวิชาให้กับเหล่านินจาตระกูลอิงะ ที่มีชือเสียงโด่งดังและเป็นตำนานของนินจาญี่ปุ่น ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวิธีการฝึกฝนวิชาและทักษะการเป็นนินจามืออาชีพในสมัยก่อน พร้อมด้วยบ้านพักอาศัยและเครื่องใช้นินจา ส่วนแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับอาวุธและอุปกรณ์ของนินจาโบราณ ทั้งนี้ยังมีการแสดงโชว์อันน่าตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับนินจาให้ชมอีกด้วย
ย่านช็อปปิ้งซากาเอะ (Sakae Area Nagoya) เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ
ย่านซากาเอะเป็นแหล่งช็อปปิ้งหลักใจกลางเมืองนาโกย่า ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินสำรวจและซื้อของได้อย่างสะดวกสบาย มีห้างสรรพสินค้าอยู่ชั้นใต้ดินเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีซากาเอะ เพียบพร้อมไปด้วยร้านค้าหลากหลายเหมาะกับทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็ก หนุ่มสาว ไปจนถึงผู้สูงอายุ เป็นสถานที่สำหรับการช็อปปิ้งกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่มากมายให้เลือกรับประทาน ย่านนี้ยังมีตึก “โอเอซิส 21” ที่มีรูปทรงทันสมัยคล้ายยานอวกาศ ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กของย่านนี้เลยก็ว่าได้ ที่ชั้นใต้ดินของตึกเป็นแหล่งสังสรรค์ยอดนิยมเนื่องจากมีร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย
หินแต่งงาน Futami meoto iwa (Wedding Rock) เมืองอิเสะชิมะ จังหวัดมิเอะ
หินที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ดูคล้ายกับการสวมด้ายมงคลของคู่บ่าวสาวในพิธีแต่งงาน โดยมีหินก้อนหนึ่งเล็กและอีกก้อนหนึ่งใหญ่ตั้งอยู่ในทะเลริมชายฝั่ง หินทั้งสองถูกคล้องด้วยเชือกซานาวิและเทพเจ้าอิซานามิ (Izanami no Okami) ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งบนโลกและเป็นผู้ให้กำเนิดเทพเจ้าทั้งหลาย ด้วยลักษณะของหินคู่ดังกล่าวทำให้ทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อสักการะและขอพรเกี่ยวกับความรัก ด้านคู่ครอง โดยคนโสดจะขอพรให้เจอเนื้อคู่และคนที่มีคู่หรือคู่แต่งงานจะขอพรเพื่อให้มีความรักที่ยืนยาวอย่างมีความสุข