Celeb Online

เยือน E&J Gallo ไวเนอรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก


>>Celeb Online ได้รับเกียรติให้ไปเยือนไวเนอรีและจิบไวน์มาหลายแห่ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ไปสัมผัสกับไวเนอรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ไม่เพียงแต่คนในตระกูลแกลโล (Gallo) เท่านั้น ที่ภาคภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้ ที่เขาสามารถสร้างไวเนอรี่เพื่อผลิตไวน์ออกไปจำหน่ายทั่วโลก ผู้มาเยือนอย่างผมก็เช่นเดียวกัน ที่ได้มาสัมผัสไวเนอรี่และสัมผัสรสชาติจากผลิตผลของคนในตระกูลแกลโล ในเมืองโซโนมา (Sonoma) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ไวเนอรีของตระกูลแกลโกล ตั้งอยู่ห่างออกไปจากนครซานฟรานซิสโกกว่า 3 ชั่วโมง โดยวิ่งลัดเลาะไปตามเส้นทางทั้งเนินเขา และพื้นที่ราบ ให้บรรยากาศไม่ต่างจากดินแดนอันเลื่องชื่อในการเพาะปลูกองุ่นเพื่อมาผลิตไวน์อย่างในเมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย หรือเมืองในชนบทของประเทศสกอตแลนด์

แบรนด์แกลโล เริ่มต้นจากความหลงใหลไวน์และความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำธุรกิจไวน์มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1933 ของ 2 พี่น้อง คือ “เออร์เนสต์ แกลโล (Ernest Gallo) และ “คูลิโอ แกลโล” (Julio Gallo) หรือเรียกย่อๆ ว่า อี แอนด์ เจ แกลโล (E&J Gallo) ชาวอิตาลี ที่มาตั้งรกรากอยู่ในดินแดนแห่งนี้เมื่อครั้งกาลก่อน

สองพี่น้องตระกูลแกลโลยึดถือภาระกิจในการทำธุรกิจไวน์เพื่อต้องการที่จะเป็นบริษัทครอบครัวที่เป็นผู้นำด้านไวน์ในตลาดไวน์ของสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้นำไวน์โลกใหม่ในตลาดต่างประเทศ (โดยไวน์โลกเก่าจะผลิตจากประเทศฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี) ซึ่งให้ความสำคัญอย่างมากกับความสัมพันธ์กับคู่ค้าทางธุรกิจ ลูกค้า และพนักงาน และยังมุ่งเน้นที่จะเติบโตไปด้วยกันในอนาคต

ปัจจุบันนี้มีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 15 คนที่ยังทำงานอยู่ที่ไวเนอรีนี้ หลังจากทั้งสองได้เสียชีวิตลง และยังมีเจเนอเรชันใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงไวน์เมกเกอร์ฝีมือดีคนปัจจุบัน “จีน่า แกลโล” (Gina Gallo) และ “แมตต์ แกลโล” (Matt Gallo) ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมที่ดีงามของคุณปู่ โดยร่วมสร้างสรรค์ผลิตไวน์แกลโลจนได้รับรางวัลมากมาย มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองโมเดสโต (Modesto) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จำหน่ายไวน์กว่า 90 ประเทศทั่วโลก เรียกว่าเป็นไวน์ที่ส่งออกจากแคลิฟอร์เนียมากที่สุด มีทั้งหมด 7 ไวเนอรี และมากกว่า 20,000 เอเคอร์ ในแคลิฟอร์เนียเลยทีเดียว

ในการผลิตไวน์ให้ได้คุณภาพดีอย่าง แกลโล แฟมิลี่ วินยาร์ด (Gallo Family Vineyard) ณ เมืองโซโนมา เป็นสถานที่ดีที่สุดในการเพาะพันธุ์องุ่น ด้วยลมเย็นๆ และแสงแดดอุ่นๆ นอกจากนั้นในการทำไวน์แกลโลยังมีการชิมไวน์บาร์เรลต่อบาร์เรลระหว่างการหมัก เพื่อให้ได้รสชาติที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด เพื่อรับรองคุณภาพที่ผู้บริโภคจะได้รับในทุกขวดของแกลโลอีกด้วย

และต้องยอมรับว่า แกลโล แฟมิลี วินยาร์ด ยังมี “Signature range” อย่าง “Gallo Signature brand” ที่มีชื่อของจิน่า แกลโล ในทุกขวด เนื่องจากเขาต้องการทำให้เป็นไวน์ที่มีคุณภาพสูงทุกขวด เพื่อผลิตไวน์ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงเลือกใช้องุ่นสายพันธุ์คุณภาพดีที่สุดที่มีจำนวนจำกัด แกลโลจึงยังคงผลิต “Premium Range” นี้ในจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ในพอร์ตโฟลิโอ

ในปี 2007 E&J Gallo ไวเนอรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้มาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับสยามไวเนอรี่ บริษัทไวน์อันดับต้นๆ ในตลาดไวน์ประเทศไทย ความเป็นพาร์ตเนอร์จึงยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างมีคอมมิตเมนต์ที่จะสร้างวัฒนธรรมการดื่มไวน์ โดยนำเสนอไวน์รสชาติดี มีคุณภาพในราคาที่ซื้อได้ ให้แก่นักดื่ม และมีไวน์ให้เลือกครบทุกรสชาติ ทุกราคา และทุกโอกาส และยังสนับสนุนให้ผู้ที่ดื่มไวน์ได้ลองอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง โดยไวน์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย โดยบริษัทสยามไวเนอรี่ ได้แก่ “ปีเตอร์ เวลล่า” (Peter Vella) “คาร์โล รอสซี” (Carlo Rossi) “แกลโล แฟมิลี วินยาร์ดส์” (Gallo Family Vineyards)

สำหรับ ปีเตอร์ เวลล่า (Peter Vella) ประกอบไปด้วยไวน์ที่ผลิตจากองุ่น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ไวน์ Peter Vella Fresh White จากองุ่นสายพันธุ์ “ชาร์ดอนเนย์” (Chardonnay) ไวน์ Peter Vella Smooth Red ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ “คาแบร์เนต์ โซวิญอง” (Cabernet Sauvignon) ไวน์ Peter Vella Fruity Rose (ใหม่ล่าสุด) ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ “ไวต์ ซินฟานเดล” (White Zinfandel) และไวน์ Peter Vella Rich Red (ใหม่ล่าสุดอีกเช่นกัน) ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ “ชีราซ” (Shiraz)

ไวน์ Peter Vella Fresh White ผลิตจากองุ่นชาร์ดอนเนย์ ที่เติบโตในแคลิฟอร์เนีย ด้วยความสดชื่นของน้ำไวน์ ที่มีกลิ่นหอมของแอปเปิลและส้ม ช่วยทำให้คุณสนุกกับการดื่มได้ทุกวัน เหมาะที่จะดื่มคู่กับพาสต้าซอสสีขาว อาหารทะเล และอาหารไทย

ไวน์ Peter Vella Smooth Redผลิตจากองุ่นคาแบร์เนต์ โซวินญอง ที่เติบโตในแคลิฟอร์เนีย โดยไวน์ตัวนี้จะให้สัมผัสที่เต็มไปด้วยผลไม้สีแดงและผลเบอร์รี แต่มีความนุ่มนวลของแทนนิน ช่วยทำให้คุณสนุกกับการดื่มได้ทุกวัน เหมาะที่จะดื่มมคู่กับพาสต้าซอสสีแดง อาหารอินเดีย และไทย

ส่วนไวน์ Peter Vella Fruity Rose ผลิตจากองุ่น ไวต์ ซินฟานเดล ที่เติบโตในแคลิฟอร์เนีย ด้วยไวน์สีชมพูผสมผสานกับกลิ่นและรสชาติอันหอมหวานของดอกไม้และผลไม้ ช่วยทำให้คุณสนุกกับการดื่มได้ทุกวัน เหมาะที่จะดื่มคู่กับปลาแซลมอนย่างอ่อนๆ สลัดผลไม้สด อาหารเอเชีย

ไวน์ Peter Vella Rich Red ผลิตจากองุ่นชีราซ ที่เติบโตในแคลิฟอร์เนีย ด้วยคุณลักษณะของไวน์ที่มีความสดใหม่ ผสมผสานกับกลิ่นหอมของเบอร์รีสีดำ แคสซิส พริกไทย และกาแฟ ช่วยทำให้คุณสนุกกับการดื่มได้ทุกวัน เหมาะที่จะดื่มคู่กับ เนื้อย่างรมควันอาหาร เนื้อสัตว์ป่าและเนื้อวัว

อีกหนึ่งสายพันธุ์องุ่นที่น่าสนใจมากๆ ของปีเตอร์ เวลล่า นั่นก็คือ Peter Vella Fruity Rose ผลิตจากองุ่นไวต์ ซินฟานเดล หรือองุ่นแดง แต่เมื่อนำมาทำน้ำไวน์ จึงคั้นเอาแต่น้ำ ไม่เอาเปลือก ทำให้สีที่ออกมาเป็นสีชมพูอ่อน หรือ สีแซลมอน) ปัจจุบันโรเซ่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดไวน์สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เนื่องจากเป็นไวน์ที่ดื่มง่ายและสดชื่น บางประเทศนิยมดื่มโรเซ่กับน้ำแข็ง

ส่วนในประเทศไทยปีเตอร์ เวลล่า มีไวน์จำหน่ายจากองุ่น 2 สายพันธุ์ คือ “คลาสสิค ไวต์ ชาร์ดอนเนย์” (Classic White Chardonnay) และ “คลาสสิค เรด คาแบร์เนต์ โซวินญอง” (Classic Red Cabernet Sauvignon) ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าได้รับความนิยมทันใดในกลุ่มวัยรุ่นหรือผู้ที่ริเริ่มดื่มไวน์

ไวน์ปีเตอร์ เวลล่า ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเรื่อง โดยปีนี้ทางสยามไวเนอรี่ ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ตัดสินใจที่จะเพิ่มพันธุ์องุ่นในตลาดประเทศไทย เพื่อเจาะกลุ่มลุกค้าให้มากชึ้น และรองรับตลาดไวน์ที่กำลังโต จึงได้มีการเปิดตัว “Peter Vella Fruity Rose” (จากองุ่นสายพันธุ์ไวต์ ซินฟานเดล) และ “Peter Vella Rich Red” (จากองุ่นสายพันธุ์ชีราซ) อีกด้วย ในขณะเดียวกัน ปีเตอร์ เวลล่า ก็ยังออกแคมเปญใหม่ “Let’s Play” เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ให้สมกับสโลแกนที่ว่า Young and Outgoing, Carefree and Interested in lifestyle activities / socializing

สำหรับไวน์ คาร์โล รอสซี ถูกแนะนำครั้งแรกในรูปแบบของเหยือก (Jug Style) เพื่อเป็นไวน์ที่เหมาะกับโต๊ะอาหาร และมื้ออาหารโดยเฉพาะ การทำไวน์ด้วยขวดใหญ่ทำเพื่อความสะดวกสบายของผู้ดื่มโดยเฉพาะ ซึ่งก็สามารถทำการตลาดได้ดีด้วยราคาที่คุ้มค่า และคุณภาพที่รับประกันได้จริงๆ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม คาร์โล รอสซี ถึงเป็นไวน์ประจำโต๊ะอาหารที่ขายดีอันดับหนึ่งของโลก เป็นไวน์นำเข้าอันดับหนึ่งในประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่าคาร์โล รอสซี เป็นไวน์ที่มีคุณภาพ และถูกปากคนเอเชียอย่างแท้จริง นอกจากนี้ คาร์โล รอสซี ยังเป็นไวน์ที่ขายดีติดอันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งทุกวันนี้อีกด้วย

นอกจากนั้น คาร์โล รอสซี เป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ ของไวน์แคลิฟอร์เนียที่มีการทำการตลาด โฆษณาโทรทัศน์ และวิทยุ ไวน์เมคเกอร์ “ชาร์ลส์ (คาร์โล) รอสซี” (Charles (Carlo) Rossi) เป็นเพื่อนที่ดีของ “เออร์เนสต์ แกลโล” อีกด้วย ซึ่งเขาสามารถทำไวน์ที่ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของเขาออกมาควบคู่กับโฆษณาที่เข้าใจง่าย และถ่ายทอดความรักในตัวไวน์ออกมาให้ผู้คนชื่นชอบโดยง่าย

สำหรับตลาดในเอเชียบ้านเรา คาร์โล รอสซี มีภาพลักษณ์ที่พรีเมียมด้วยขวดขนาด 750 มิลลิลิตร โดยมีรสชาตินุ่มละมุน และสมดุล หอมหวานด้วยกลิ่นฟรุตตี้ และอโรมาจากโอ๊ค 90 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ดื่มคาร์โล รอสซี ชอบในความหวานและสมดุลของไวน์ จึงทำให้เราสามารถดื่มคาร์โล รอสซี่ได้ทุกวัน

ในประเทศไทยไวน์ คาร์โล รอสซี มีจำหน่ายสองรุ่น ได้แก่ “แคลิฟอร์เนีย ไวต์” (California White) ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ Chenin Blanc และ French Colombardและ “แคลิฟอร์เนีย เรด” (California Red) ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, Syrah, Merlot, Barbera และ Ruby Cabernetซึ่งให้ความนุ่ม และสมดุล มีรสทิ้งท้ายที่สดชื่น และลงตัว มีความเป็นฟรุตตี้นิดๆ เป็นเอกลักษณ์ของไวน์แคลิฟอร์เนีย และได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นไวน์ที่ถูกปากทุกคน เนื่องจากพัฒนารสชาติอย่างที่ผู้บริโภคชอบ หวานนุ่ม เหมาะกับผู้ที่ชอบดื่มไวน์ที่ดื่มง่าย และสามารถดื่มได้ทุกวัน

และสุดท้ายกับไวน์ในตระกูล แกลโล แฟมิลี วินยาร์ด (Gallo Family Vineyard) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไวน์ที่มีความเป็นฟรุตตี้นิดๆ เข้ากับอาหารได้ดีมาก ทำมาจากพันธุ์องุ่นฝรั่งเศสที่นำมาปลูกในแคลิฟอร์เนีย แบรนด์สื่อสารความสนุกสนานในชีวิต ที่ร่วมแบ่งปันกับครอบครัวและเพื่อนฝูง ดังนั้น แกลโลจึงเป็นไวน์ที่ดื่มง่าย เหมาะที่จะแบ่งช่วงเวลาดีๆ และความสุขกับคนที่คุณรัก ด้วยรสชาติไวน์ที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกนิด และที่จำหน่ายในประเทศไทย ผลิตจากองุ่น 6 สายพันธุ์ นั่นคือ

“แกลโล แฟมิลี วินยาร์ด ชาร์ดอนเนย์” (Gallo Family Vineyard Chardonnay) เป็นไวน์ขาวที่ถูกปากคนไทยด้วยรสชาติเบาๆ ผสานกลิ่นมะนาวเจือด้วยกลิ่นวานิลลา โดดเด่นด้วยกลิ่นควันนิดๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชาร์ดอนเนย์ของแคลิฟอร์เนีย เหมาะกับดื่มคู่กับอาหารที่มีพาสต้า หรือครีมซอส ไก่ย่าง และปลาเผา เป็นต้น

“แกลโล แฟมิลี่ วินยาร์ด โซวินญอง บลอง” (Gallo Family Vineyard Sauvignon Blanc) เป็นไวน์ตัวเลือกที่ดี ที่สร้างความสดชื่นสุดๆ จากรสชาติของเกรปฟรุต และแอปเปิลเขียว แซมด้วยกลิ่นหญ้านิดๆ เหมาะที่จะทานกับสลัดที่เต็มไปด้วยผักสด อาหารทะเลย่าง และริซอตโต้ไก่ และไวน์“แกลโล แฟมิลี่ วินยาร์ด พีโน กรีจิโอ” (Gallo Family Vineyard Pinot Grigio) ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ใหม่ของแกลโล แฟมิลี ที่นำมาขายในประเทศไทย รสชาติน่าสนใจและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของลูกพีชขาว และผลไม้รสเปรี้ยว เหมาะกับการดื่มคู่อาหารสลัดผัก ซีฟู้ดปิ้งย่าง และอาหารเอเชียรสชาติจัดจ้าน

ไวน์ “แกลโล แฟมิลี่ วินยาร์ด แมร์โลต์” (Gallo Family Vineyard Merlot) เป็นไวน์แดงสีทับทิมสวยงาม รสชาติแบบเบอร์รีแดงฉ่ำ ผสานกับกลิ่นโอ๊คและช็อกโกแลต เหมาะกับการดื่มคู่กับหมูย่าง และพาสต้า ไวน์ “แกลโล แฟมิลี วินยาร์ด คาแบร์เนต์ โซวินญอง” (Gallo Family Vineyard Cabernet Sauvignon) เป็นไวน์ที่เข้มตามสไตล์คาแบร์เนต์ โซวินญอง แต่โดดเด่นด้วยกลิ่นยูคาลิปตัสบางๆ

ปิดท้ายด้วย “แกลโล แฟมิลี วินยาร์ด พีโน นัวร์” (Gallo Family Vineyard Pinot Noir) เป็นไวน์ให้รสชาติกลมกล่อม สไตล์ผลไม้สีเข้ม มีกลิ่นเบาๆ ของซินนามอน เครื่องเทศ และโอ๊ค เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารประเภทหมู่ย่าง พาสต้า ซีฟูด หรือก๋วยเตี๋ยวผัดไทยอย่างยิ่ง

การเดินทางครั้งนี้ จึงเป็นอะไรที่มีความสุขสุดๆ เพราะผมจัดว่าเป็นนักดื่มไวน์ตัวยง ว่างเป็นไม่ได้ จะต้องหยิบไวน์มาเปิดจิบทุกครั้งไป การเยือนไวเนอรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ จึงดื่มด่ำและอิ่มเอมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ขอบคุณ E&J Gallo :: Text by FLASH










>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net