Lifestyle

7 วรรณกรรม “รัก” สะท้อนความเป็น “ผู้หญิง”

Pinterest LinkedIn Tumblr


ความรักเป็นแก่นเรื่องสำคัญในวรรณกรรมมาทุกยุคทุกสมัย แม้จะมีคนบอกว่างานวรรณกรรมนั้นแต่งขึ้นจากจินตนาการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่างอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ฉะนั้นจึงสะท้อนมุมมองทัศนคติของเรื่องราวเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ในโอกาสที่ใกล้วันแม่นี้ หลายคนคงคิดถึงความรักระหว่างแม่กับลูก แต่หากเรามองในมุมความเป็นผู้หญิง การแสดงออกทางความรักนั้นกลับยิ่งใหญ่และหลากหลายนัก เราจึงขอรวบรวม 7 วรรณกรรม “รัก” สะท้อนความเป็น “ผู้หญิง” มาฝากผู้อ่าน ซึ่งจะเผยให้เห็นถึงความรักในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเป็นผู้ให้ การเสียสละ ความซื่อสัตย์ และกล้าหาญ ล้วนเกิดขึ้นจากพลังและตัวตนที่อยู่ภายในจิตใจของผู้หญิงได้อย่างลึกซึ้งถึงอารมณ์

นารีนครา

พระราชนิพนธ์แปลจีนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สะท้อนภาพสังคมและความงดงามของ ‘ความเป็นหญิง’ ในบทบาทหน้าที่ยิ่งใหญ่ของความเป็นแม่ ความเป็นภรรยา และที่สำคัญที่สุดคือความเป็นเพื่อนแท้…สะท้อนวีรกรรมอันเกิดจากดวงใจแกร่งแท้ดั่งเหล็กกล้าของหญิง ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครสำคัญ 3 ตัว ซึ่งเป็นตัวแทนหญิงรุ่นเก่า รุ่นกลาง และรุ่นใหม่ ซึ่งได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในมิติต่างๆ และได้ถ่ายทอดเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในกระแสสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน ตัวละครหญิงทั้งสามนี้ได้เรียนรู้จากกันและกัน ได้สร้างสายสัมพันธ์และมิตรภาพอันจริงใจเอื้ออาทรต่อกัน ซึ่งเป็นการสร้างความสุขอันแข็งแกร่งและคุณค่าอันมั่นคงแก่ชีวิต

หมู่บ้านเล็กตระกูลเป้า

พระราชนิพนธ์แปลจีนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สะท้อนภาพชีวิตในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งของจีน ผู้อ่านจะได้สัมผัสความรักอันบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ของผู้เป็นแม่ ผู้มีเบื้องหลังบางอย่างที่ส่งผลถึงชีวิตตัวเธอและลูก ได้เข้าใจความบริสุทธิ์กล้าหาญของเลาจา เด็กน้อยที่มีคุณธรรม จิตใจดี ผู้กลายเป็นวีรชนของหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวความรักของคน 2 คู่ คือ เฉินไหล ชายหนุ่มกำพร้าพ่อที่ไปหลงรักสาวใหญ่วัย 40 และ เสี่ยวชุ่ยจื่อ หญิงสาวอาภัพผู้ถูกบังคับให้แต่งงาน แต่เธอกลับไปรักกับน้องชายของสามีแทน ทั้งสองกรณีนี้ถือว่าผิดประเพณีของชาวจีน ผู้อ่านจะได้ซาบซึ้งและสะเทือนใจกับความรักต้องห้ามของเด็กสาว และความคับแค้นขมขื่นของผู้ที่ถูกสังคมลงโทษโดยไม่เป็นธรรม

ความรักใดจะไม่ปวดร้าว

พระราชนิพนธ์แปลจีนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สะท้อนให้เห็นปัญหาสังคมสมัยใหม่ของหนุ่มสาวชาวจีน อันส่งผลต่อนิยามของความรักในมิติต่างๆ โดยเฉพาะจากมุมมองของผู้หญิง ผู้เป็นทั้งแม่และภรรยา เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามกับค่านิยมเก่าที่บูชาเทิดทูนความรัก ทั้งความรักของพ่อแม่ ความรักของหนุ่มสาว ความรักของเพื่อน และจบลงอย่างชาญฉลาดด้วยความตระหนักรู้ของตัวละครเอกว่า ไม่มีความรักใดจะไม่ปวดร้าว แต่ผู้จะเปลี่ยนความปวดร้าวนี้เป็นปีติสุขได้นั้นก็คือ ผู้มีความรัก นั่นเอง

รอยยิ้มและน้ำตาของหัวใจ

พระราชนิพนธ์แปลจีนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ผู้อ่านจะได้ทบทวนและชำระจิตใจตัวเองไปพร้อมกับตัวละครในเรื่อง ว่าระหว่างความรักที่ถือประโยชน์ตนเป็นที่ตั้งกับความรักที่เสียสละเพื่อผู้อื่น อย่างไหนจะทำให้ชีวิตมีความหมายและมีค่ามากกว่ากัน ประกอบด้วยวรรณกรรมจีนร่วมสมัย 4 เรื่องของ 3 นักเขียนหญิง วรรณกรรมเรื่อง “โคมส้มดวงน้อย” และ “หมิงจื่อกับเหมียวน้อยมีจื่อ” ผู้อ่านจะได้ข้อคิดอันสะท้อนให้เห็นความงดงามยิ่งใหญ่ของหัวใจอันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นลักษณะสากลของมนุษย์ทุกวัยในทุกสังคม ส่วนเรื่อง “สาวน้อยเสี่ยวหยูว” และ “ตำนานกับข้าวคู่” ผู้เขียนได้สะท้อนว่าความรักเป็นทั้งรอยยิ้มและน้ำตาของหัวใจมนุษย์ที่มีความเป็นสากล และยากจะอธิบายอย่างกระจ่างชัดด้วยเหตุผลหรือตรรกะใดๆ

ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน

พระราชนิพนธ์แปลจีนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่องราวของ ไป๋ต้าสิ่ง ตัวละครหลักผู้มีคุณธรรมเป็นเลิศ มีจิตใจงดงาม ซื่อสัตย์ ยอมเสียเปรียบทุกคน เธอจึงต้องทนทุกข์กับตัวตนที่เธอเป็นอยู่ ความทุกข์อันสาหัสของไป๋ต้าสิ่งคือความผิดหลังจากความรักที่ฝ่ายชายผู้ไม่จริงใจทิ้งเธอไปคนแล้วคนเล่า แต่เธอก็ยังคง ‘ตกหลุมรัก’ และ ‘รักอย่างหักปักหัวปำ’ โดยมิอาจจะช่วยตัวเองได้เลย เพราะไป๋ต้าสิ่งเห็นว่าความรักเป็นสิ่งสูงส่ง และความรักคือการให้และเสียสละอย่างไม่สิ้นสุด เป็นไปได้ไหมว่า ‘ตลอดกาล’ อันจริงแท้นั้นไม่ว่าจะดำรงอยู่นานแค่ไหน เพียงชั่วครู่หรือชั่วนิรันดรย่อมเป็นทั้ง ‘สัจจะ’ และ ‘มายา’ ที่มนุษย์ต้องใคร่ครวญเรียนรู้ด้วยปัญญาไปตลอดกาล

หงส์ป่า

นวนิยายที่ผสมผสานความทรงจำและภาพกว้างของประวัติศาสตร์ซึ่งผู้เขียนเป็นประจักษ์พยาน คือฉากชีวิตของผู้หญิงจีนสามรุ่นในศตวรรษที่ยี่สิบ คือบทบันทึกอิทธิพลมหาศาลที่เหมาเจ๋อตุงมีต่อจีน คือประสบการณ์อันน่าจดจำของผู้หญิงในช่วงรอยต่อสู่โลกยุคใหม่ คือเรื่องราวความรักและความกล้าหาญอันเปี่ยมแรงบันดาลใจทุกรายละเอียดของโศกนาฏกรรมไม่รู้จบที่เฝ้าแวะเวียนมาสู่ครอบครัวของผู้เขียนและชาวจีนอีกหลายล้านคนที่ติดอยู่ในพายุร้ายแห่งประวัติศาสตร์ ถ่ายทอดผ่านตัวอักษรที่สะเทือนอารมณ์ สั่นคลอนหัวใจ และจุดไฟแห่งความหวังให้ทุกชีวิต

เฉินซู่จวี๋ แม่ค้าผัก ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่

อัตชีวประวัติของแม่ค้าผักยอดนักสู้ชีวิต ผู้ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลดีเด่นของนิตยสาร Time, Forbes, Reader’s Digest และกระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน เฉินซู่จวี๋แบกรับภาระแทนอีก 7 ชีวิตในครอบครัว เริ่มเป็นแม่ค้าตั้งแต่อายุ 13 ปี ทำงานหนักวันละ 19 ชั่วโมงจนลายนิ้วมือลบหาย และเท้าบิดเบี้ยวทั้งสองข้าง เธอกินข้าววันละ 1 มื้อ (มังสวิรัติ) ใช้เงินวันละไม่ถึง 100 ดอลลาร์ไต้หวัน แต่บริจาคเงินไปแล้วกว่า 10 ล้าน เธอขี้เหนียวสุดๆ กับตัวเอง แต่กลับใจป้ำมากเวลาบริจาคเงินช่วยเหลือผู้อื่น และนี่คือชีวิตสุดเข้มข้นของแม่ค้าผักตัวเล็กๆ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่!”

เพราะความรักมีหลายรูปแบบ แล้วคุณล่ะ มีความรักแบบไหน ติดตามอ่านเรื่องราว “ความรัก” สุดเข้มข้นได้ใน 7 วรรณกรรมรัก ที่คัดสรรมาแล้วว่าสะท้อนความเป็น “ผู้หญิง” อย่างแท้จริง ..พิเศษ! ลด 20% เมื่อสั่งซื้อผ่านทาง www.nanmeebooks.com และ www.facebook.com/nanmeebooksfan ภายในเดือน ส.ค. 2561 นี้ ติดตามข่าวสารและหนังสือที่น่าสนใจอีกมากมายเพียง ADD LINE @nanmeebooks และ @nmbadult

Comments are closed.

Pin It