>>รถยนต์ BMW 8 Series Gran Coupé ที่กำลังแล่นตระเวนไปตามถนนเส้นต่างๆ ของกรุงปารีส เป็นพาหนะที่ “เอลเลน ฟอน อันเวิร์ธ” (Ellen Von Unwerth) ช่างภาพหญิงคนดังระดับตำนานขับขี่เพื่อพาทุกคนไปสัมผัสความสุขและแรงบันดาลใจที่เธอพบเจอบนริมถนนรอบกรุงปารีส ที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์สั้นๆ ในโปรเจ็กต์พิเศษ The Art of Leadership ของ BMW
The Art of Leadership เป็นโปรเจ็กต์ที่ BMW ร่วมมือกับสื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง CNN และ Great Big Story โซเชียลมีเดียชื่อดังในเครือ CNN เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของรถ BMW รุ่นท็อปอย่าง BMW 8 Series และ BMW 7 Series ผ่านคนดังหลากหลายสาขาที่ประสบความสำเร็จในอาชีพของตัวเองและมีคาแรคเตอร์อันโดดเด่นแตกต่างกันไป โดยในวันนี้ BMW จะพาคุณไปรู้จักกับ เอลเลน ฟอน อันเวิร์ธ ช่างภาพหญิงชาวเยอรมันที่มีผลงานระดับโลกมากมาย ที่จะมาเปิดประสบการณ์แห่งชีวิตของเธอ ถ่ายทอดความเป็นตัวตน มุมมองการใช้ชีวิต ทัศนคติ แพชชั้น และเส้นทางสู่ความสำเร็จของเธอให้ได้รับรู้กัน
“ฉันพยายามสร้างผลงานที่สามารถสร้างอารมณ์บางอย่างให้กับผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ หรือการสร้างเสียงหัวเราะ หรือความทรงจำใหม่ๆ ให้กับพวกเขา”
เอลเลน สาวเก่งที่ปัจจุบันนี้เป็นช่างภาพชื่อดัง แต่ก่อนหน้าที่เธอจะก้าวมาเป็นคนอยู่หลังเลนส์เลือกอาชีพช่างภาพแบบทุกวันนี้ เธอเคยมีประสบการณ์โลดแล่นอยู่หน้าเลนส์กล้องมาก่อนหน้าอยู่หลายปี “ก่อนที่จะมาเป็นช่างภาพ ฉันเคยเป็นนางแบบมา 10 ปี แต่แฟนที่ฉันคบในตอนนั้น เขาเป็นช่างภาพ เขาเลยเอากล้องมาให้ฉันลองใช้ และสอนไว้ง่ายๆ ว่า …กล้องมันมีเครื่องหมาย บวก ลบ และวงกลม ขอให้กดชัตเตอร์ตอนที่เครื่องหมายวงกลมมีแสงขึ้นมา ก็แค่นั้นเอง….”
จากประโยคที่ฟังดูง่ายๆ ในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นให้เธอจับกล้อง แต่การจะกลายเป็นช่างภาพฝีมือดีอย่างทุกวันนี้ที่โด่งดังไปทั่วโลก ต้องอาศัยประสบการณ์และชั่วโมงบินที่ทำให้เธอกลายมาเป็นตำนานแห่งวงการถ่ายภาพแฟชั่น ที่มีสไตล์โดดเด่นไม่เหมือนใคร กับการที่สามารถดึงพลังที่อยู่ในตัวผู้หญิงออกมา และการสามารถจับภาพของช่วงเวลาเศษเสี้ยววิได้ออกมาอย่างสมบูรณ์ที่สุด “ทุกคนมีมุมมองของตัวเอง ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองมองอะไรแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ในโลก แต่ฉันมีตาของช่างภาพ มีความสามารถที่จะเก็บภาพของช่วงเวลานั้นๆ แสงสวยๆ การแสดงออกและท่วงท่าต่างๆ และมีความปรารถนาที่จะถ่ายทอดภาพที่มีอยู่ในหัวออกมาให้เป็นความจริง ด้วยการร่วมมือกับทีมครีเอทีพและผู้เป็นแบบเพื่อถ่ายภาพนั้นออกมา ดังนั้นตาของช่างภาพคือการผสมผสานระหว่างจิตใจและดวงตา”
ด้วยประสบการณ์การเป็นนางแบบอย่างยาวนานกว่า 10 ปีของเธอ ทำให้เธอสามารถเข้าใจในบทบาทความเป็นช่างภาพได้ดีขึ้น จากที่เคยรู้สึกหงุดหงิดใจเวลาเป็นคนอยู่หน้ากล้อง แล้วโดนบอกให้ยืนนิ่ง หรือไม่ให้แสดงความรู้สึกเวลาโพสต์ท่าต่างๆ เมื่อเธอได้โอกาสเป็นฝ่ายจับกล้องถ่ายรูป เธอจึงปล่อยให้แบบของเธอได้แสดงออกอย่างเต็มที่ ได้โชว์บุคลิกภาพความเป็นตัวตนให้ฉายแสงออกมา
ด้วยดวงตาแห่งช่างภาพและสไตล์เฉพาะตัวของเธอ ทำให้เอลเลนสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างพิเศษไม่เหมือนใคร อย่างแคมเปญของ GUESS เมื่อปี 1989 ที่ร่วมงานกับนางแบบชื่อดังแห่งยุคอย่าง คลอเดีย ชิฟเฟอร์ ที่เป็นผลงานสร้างชื่อให้ผู้คนจดจำเธอในฐานะช่างภาพฝืมือดีไปทั่วโลก และตอนนี้ผลงานของเธอมีกระจายอยู่ทุกที่ ทุกชั้นหนังสือ ขณะที่พิพิธภัณฑ์ทั่วโลกให้เกียรติจัดแสดงผลงานของเอลเลนในนิทรรศการต่าง ๆ
“หลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนสไตล์หรือเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของฉัน แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณจะทำ และสิ่งนั้นต้องไม่ขัดกับสไตล์ของคุณ โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เทรนด์แฟชั่นมาแล้วก็ไป คุณต้องฟังหัวใจตัวเอง และทำตามที่ใจต้องการ แม้สิ่งนั้นจะไม่ถูกใจทุกคนก็ตาม
ฉันมีความหลงไหลในผู้คน และเรื่องราวชีวิตโดยทั่วไป สิ่งที่ผลักดันให้ฉันลุกขึ้นมาจับกล้องและถ่ายรูปในทุกๆ วัน คือผู้คนที่ฉันพบเจอ เรื่องราวจากชีวิตจริงที่ฉันต้องการจะเล่า และแรงบันดาลใจอื่นๆ ที่มาจากภาพวาด ภาพยนตร์ต่างๆ ดนตรี ปาร์ตี้ หรือแม้กระทั่งความฝัน ช่างภาพชื่อดัง หรือ ศิลปินคนโปรดก็ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเช่นกัน ดีไซเนอร์กับผลงานที่เขาออกแบบ แฟชั่นโชว์ของเขา ทุกสิ่งอย่างนี้ล้วนสร้างแรงบันดาลใจให้ฉันได้ทั้งนั้น”
เอลเลน เล่าว่า “ยิ่งพอฉันเริ่มถ่ายภาพแนวสตรีท มันทำให้ฉันเห็นชีวิตในมุมมองที่แตกต่างออกไป เพราะว่าการที่ฉันสามารถซูมกล้องเข้าไปในเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คน และจับภาพตรงนั้นไว้ได้ มันทำให้โมเม้นนั้นมีความพิเศษ และมีความอมตะที่จะอยู่กับเราตลอดไป
พอเป็นแบบนี้แล้ว ภาพของฉันอาจไม่ชัดในบางครั้ง คุณอาจเห็นถึงความเคลื่อนไหวในรูป แต่ฉันก็ชอบนะ ภาพแบบนี้มันทำให้รู้สึกถึงความต้องการของตากล้องที่จะถ่ายภาพนั้น เพื่อที่จะเก็บโมเม้นนั้นเอาไว้
หนึ่งในวัตถุประสงค์ของฉันในฐานะช่างภาพคือ ฉันต้องการที่จะถ่ายเก็บช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตไว้ เสมือนหลักฐานที่จะส่งให้รุ่นต่อๆ ไปว่า ฉันและคนสมัยฉันพบเจออะไรมาบ้าง”
เมื่อให้เธอทิ้งท้ายถึงนิยามความสำเร็จในสไตล์ของเธอ เอลเลนเผยว่า “ฉันคิดว่า คนเราเข้าใจคำว่า “ความสำเร็จ” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับฉัน ความสำเร็จ ก็คือการที่ฉันได้ตระหนักถึงความสามารถของตัวเอง และสามารถหาเลี้ยงชีพจากมันได้ และมีคนเห็นคุณค่า สิ่งที่ทำให้ฉันมาอยู่ตรงจุดนี้ได้คือทักษะความเป็นผู้นำ ความคิดเชิงบวก ทัศนคติที่เปิดกว้าง ความคิดสร้างสรรค์ และอุสาหะ มุงานหนักค่ะ”