ART EYE VIEW—รักแท้มีอยู่จริงหรือไม่ ? รักแท้มีอยู่ที่ไหน ? ถ้านำคำถามเหล่านี้ไปถาม 2 คุณแม่นักวาดภาพประกอบ พิมพ์จิต ตปนียะ และ ปิ่นนุช ปิ่นจินดา คงได้รับคำตอบไม่แตกต่างกันว่า “ลูกสาวและการทำงานศิลปะ”
เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้ คือสิ่งที่พิมพ์จิตและปิ่นนุช รักและทุ่มเทเวลาให้มากที่สุดในช่วงหลายปีมานี้ ส่วนหนึ่งยืนยันได้จากผลงานศิลปะที่ทั้งคู่นำมาจัดแสดงร่วมกันล่าสุดผ่านนิทรรศการ My True Love
พิมพ์จิต จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีและโท คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปัจจุบันเป็นสอนศิลปะอยู่ที่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เริ่มสนใจทำงานภาพประกอบมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2540 หลังจากที่ผลงานของเธอได้รับรางวัลจากประกวดในนามมูลนิธิเด็ก จากนั้นก็เริ่มมีผลงานไปปรากฏอยู่ในหลายที่หลายทาง อาทิ บนการ์ดโทรศัพท์ และหนังสือเด็กของหลากหลายสำนักพิมพ์
ในช่วงที่เรียนในระดับปริญญาโท พิมพ์จิตเคยทำวิจัยเกี่ยวกับการออกแบบภาพประกอบนิทานสำหรับเด็กตาบอด เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เธอทำ ส.ค.ส. ให้กับเด็กตาบอดทั่วประเทศ จัดกิจกรรมขึ้นในหลายสถานที่ พร้อมกับชวนคนตาปกติมาร่วมออกแบบ
แต่ถ้าเป็นงานศิลปะส่วนตัวที่ไม่ต้องมีโจทย์ของคนอื่นมาคอยกำหนด พิมพ์จิตชอบที่จะวาดภาพใบหน้าคน
“ชอบวาดใบหน้าคนมาตั้งแต่ตอนที่เรียนปริญญาตรีแล้ว เพราะเราเป็นคนที่ชอบมองหน้าคนและสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่”
เมื่อปิ่นนุช ชักชวนเธอมาแสดงผลงานร่วมกันภายใต้แนวคิด My True Love เธอมองไปที่ใบหน้าของคนที่เธอรัก นั่นก็คือลูกสาว 2 คน
น้องขิม วัย 12 ปี เด็กหญิงใบหน้าเรียบนิ่ง ที่บ่อยครั้งทำให้ผู้เป็นแม่อย่างพิมพ์จิตยากจะคาดเดาได้ว่าลูกคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถูกถ่ายทอดผ่านภาพวาดใบหน้าที่อาศัยดวงตาเป็นสื่อ และน้องซอ วัย 10 ปี ผู้เปรียบเป็นพลังงานจลน์ของแม่ เพราะเธอเป็นเด็กหญิงที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง มีกิจกรรมให้ทำอยู่ตลอดเวลา ถูกถ่ายทอดภาพภาพของเด็กผู้หญิงหญิงผมเปีย เอียงหัวเกือบจะหลุดเฟรมภาพ
ขณะที่อีกหลายๆภาพในบรรดาผลงานทั้ง 15 ภาพของพิมพ์จิต ไม่ได้เจาะจงภาพวาดใบหน้าลูกสาวคนใดคนหนึ่ง แต่นำเอาแววตาของลูก ความรู้สึกเวลาที่ตัวเองนึกถึงลูกมาถ่ายทอด โดยเลือกใช้โทนสีหวานๆอย่างโทนสีพาสเทล สื่อแทนเด็กผู้หญิง
บางภาพเพื่อให้เกิดพื้นผิวที่แตกต่างบนภาพ นอกจากวาดด้วยสีอะคริลิคแล้ว ยังอาศัยเทคนิคการปัก ของการทำงานฝีมือ มาปักเป็นภาพเส้นผม เกสรดอกไม้ ฯลฯ
“ผลงานของดิฉันไม่ได้ซับซ้อน หรือดูยาก ดูปุ๊บเห็นปั๊บ ว่าภาพนี้ ใบหน้านี้ กำลังยิ้ม งอน หรือมีความทุกข์อยู่นะ บางภาพไม่มีปาก เพราะต้องการสื่อผ่านดวงตา แนวคิดคล้ายกันกับคิตตี้ ถ้าคนมองมีความสุข เราก็จะเห็นคิตตี้ยิ้ม ถ้าเรามีความทุกข์ เราก็จะเห็นอีกแบบหนึ่ง ดิฉันอาศัยหลักการออกแบบ character design ที่ตัวเองถนัดมาใช้กับการทำงานด้วย”
ปิ่นนุช จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาศิลปศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ผลงานของปิ่นนุชเป็นที่คุ้นตาของหลายคนมานาน เพราะที่ผ่านมาเธอมีผลงานภาพประกอบปรากฏอยู่ในนิตยสาร นิทาน และหนังสือของนักเขียนชื่อดังหลายคน เคยเป็นวิทยากร อาจารย์พิเศษสอนด้านวาดภาพประกอบให้กับหลายสถาบัน เคยจัดนิทรรศการแสดงเดี่ยวผลงานมาแล้ว 5 ครั้ง นิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งล่าสุดคือ นิทรรศการ In Love ณ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2555 ก่อนที่เธอจะแต่งงานมีครอบครัว
ปัจจุบันปิ่นนุชมีสถานะเป็นคุณแม่ แม้จะเลี้ยงลูกเป็นงานหลัก แต่เธอยังทำงานภาพประกอบ ควบคู่ไปกับการสอนศิลปะเด็ก ให้กับเด็กๆละแวกบ้าน และเป็นอาจารย์สอนพิเศษด้านการทำภาพประกอบ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ผลงานศิลปะของเธอที่นำจัดแสดงร่วมกับพิมพ์จิต ในนิทรรศการครั้งนี้มีทั้งภาพวาดด้วยสีอะคริลิค ภาพวาดบนหนังสือพิมพ์ และภาพวาดที่ต้องอาศัยเทคนิคการตัดแปะ
เด็กหญิงที่ปรากฏในภาพแต่ละภาพ ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวใส่กระโปรงแบบที่เราคุ้นตาในผลงานส่วนใหญ่ที่ผ่านมาของปิ่นนุช เพราะเธอไม่ได้เจาะจงวาดภาพ น้องนิทาน วัย 3 ขวบครึ่ง ลูกสาวคนเดียวของตัวเองลงไปในงาน อย่างไรก็ตามผลงานทั้งหมด เป็นผลงานที่เธอสร้างสรรค์ขึ้นระหว่างที่ต้องเลี้ยงลูกและทำงานศิลปะไปด้วย เป็นผลงานที่ทำขึ้นเพื่อประกอบ คอลัมน์ “เรื่องผีที่แม่เล่า” และ “เรือชีวิต” ของ นิตยสารพลอยแกมเพชร
“มันคือผลงานศิลปะที่เป็นบทสรุปของ 4 ปีที่ผ่านมาของเรา เพราะระหว่างที่เราต้องเลี้ยงลูก เราต้องทำงานพวกนี้ไปด้วย คำว่า My True Love ต้องการสื่อว่าลูกและการทำงานศิลปะ คือสองอย่างที่เป็นรักแท้ในชีวิตของเรา และยังล้อกันกับคำ Two Love เพราะนิทรรศการครั้งนี้มีศิลปินแสดงร่วมกันสองคน
เราไม่ได้วาดรูปลูก แต่หลายๆภาพเราเอาความรู้สึกบางอย่างเวลาอยู่กับลูกมาใส่ไว้ในงาน ที่ผ่านมามีวาดรูปลูกไว้บ้างเหมือนกัน แต่รูปเด็กวาดยากนะคะ ในความรู้สึกของเรา บางครั้งวาดแล้ว ก็เรารู้สึกว่ามันยังไม่เหมือน รูปยังไม่มีอารมณ์ของความเป็นเด็กมากขนาดนั้น
แต่งานชุดหน้าอยากจะทำเกี่ยวกับลูก เพราะเด็กเขาจะมีพฤติกรรมที่น่าเอามาทำงานศิลปะหลายอย่าง น่าจะสนุกมากเลย นิทานเขาชอบไปสวนสัตว์มากๆ ไปไม่รู้จักเบื่อเลย และชอบเล่นทราย”
การมีลูกทำให้ปิ่นนุชต้องปรับเปลี่ยนทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตและวิธีการทำงานศิลปะ “จากแต่ก่อนเวลาทำงานศิลปะ จะนอนหรือตื่นกี่โมงกี่ยามก็ได้ แต่พอมีลูกไม่ได้แล้ว ไม่ไหวมันจะน็อค พอลูกหลับเราก็หลับ พอหกโมงลูกตื่นเราต้องรีบตื่นด้วยแล้ว ต้องแอบขโมยเวลาที่ลูกหลับตอนกลางวันมาทำงานศิลปะ
ลูกทำให้เวลาของการทำงานศิลปะลดลงไป และบางครั้งต้องเปลี่ยนจากการทำงานชิ้นใหญ่มาทำชิ้นที่ทำเสร็จได้ภายในวันเดียว”
แต่ในอีกด้านลูกก็มีส่วนช่วยในการทำงานศิลปะ “เวลาลูกเล่น เราจะแอบขโมยของลูกมาโดยไม่รู้ตัว เขาจะชอบฉีกกระดาษ มาตัดแปะ มากๆ ชอบสีอะคริลิค สีน้ำ บางทีเราก็เอาเฟรมให้เขาทำงานแล้วเราก็เอามาทำต่อ เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากลูก”
อารมณ์ที่เป็นอิสระและความรักที่ถ่ายทอดผ่านผลงาน คือสิ่งที่ปิ่นนุชอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาสัมผัสผ่านการชมผลงานของเธอ
“บางอย่างเราไม่ได้ตั้งใจที่วาดออกมา แต่พอออกมาเป็นผลงานแล้วมันเป็นยังไง อยากให้มาเก็บอารมณ์ของความรักในขณะที่เราถ่ายทอดออกมา”
นิทรรศการศิลปะ My True Love โดย พิมพ์จิต ตปนียะ และ ปิ่นนุช ปิ่นจินดา ณ ชั้น 2 สมบัติเพิ่มพูนแกลเลอรี่ ถ.สุขุมวิท ซอย 1 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โทร 0-2254-6040-6 (BTS สถานี: เพลินจิต สามารถจอดรถได้ในบริเวณแกลเลอรี่)
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: [email protected]
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
Comments are closed.