Advice

สังคมให้คุณค่าผู้หญิงที่ความสาว และความสวย จริงหรือ ? /อ้วน อารีวรรณ

Pinterest LinkedIn Tumblr

[email protected]

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามงานเขียนของอ้วน และยังให้คอมเม้นต์ที่น่าสนใจมากมาย ผ่านมุมมองที่หลากหลายของแต่ละท่าน ช่วยขัดเกลาให้ตัวอ้วนเองได้เติบโตอย่างเข้าใจในความเป็นมนุษย์ที่แตกต่างกัน

แค่ตั้งคำถามว่า “สังคมให้คุณค่าผู้หญิงที่ความสาว และความสวย จริงหรือ?” ก็คงมีหลายๆ ท่าน ตอบได้ทันที โดยไม่ต้องอ่านเนื้อหาในบทความต่อไปว่า “ใช่..จริง” เพราะอ้วนเองได้ลองตั้งคำถามนี้กับเพื่อนๆ หลายคนก่อนแล้ว แต่บางท่านอาจมีความเห็นแย้งได้ อ้วนก็อยากให้แต่ละท่านได้คอมเม้นต์กันเข้ามานะคะ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันค่ะ

วลาอ้วนเห็นข่าว เห็นภาพ หรือได้ยินหัวข้อสนทนา เกี่ยวกับเรื่อง “ข่าวอิตฮอตของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่ง ที่ผลิตปฏิทินวาบหวิวออกมาในลักษณะที่ไม่เหมาะสม หลบเลี่ยงข้อกฎหมาย สร้างกระแสความฮือฮาด้วยภาพนางแบบหกเจ็ดนาง นุ่งลมห่มฟ้า ทาสีบนตัวเป็นลายเสื้อผ้า หรือเห็นคอมเมนต์ถามอ้วนเอง ในเรื่อง 'นางงาม' หรือเห็นโฆษณาขายเครื่องสำอางยกกระชับให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ไม่เหี่ยวย่น, ยกทรงเพิ่มขนาดให้อึ๋มกว่าเดิม, อาหารเสริมเพื่อความขาว สวย หุ่นดี ที่มีสารพัดยี่ห้อ จากหลากหลายประเทศ และอื่นๆ อีกมากมายจนนับไม่ถ้วน หรือว่า เห็นภาพ 'พริตตี้สาวสวย ใส' ในงานมอเตอร์โชว์ ที่กำลังโดนถ่ายภาพ แบบส่องถึงเนื้อในสงวน เป็นต้น”

สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการบ่งบอกให้เราเห็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ค่อนข้างมากจริงไหมคะ?

เพราะอ้วนเห็นคอมเม้นต์มากมายของบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายที่อยากดู อยากเป็นเจ้าของปฏิทินเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกว่า ฉันผิดอะไรที่อยากดู, อยากเป็นเจ้าของ ในเมื่อบรรดานางแบบเหล่านั้นก็ยินยอมพร้อมใจถ่ายภาพเหล่านี้เอง ไม่ได้มีการบังคับให้ถ่ายสักหน่อย แถมนางแบบยังออกมาพูดเองว่า อยากให้ภาพที่พวกเธอถ่าย ได้เผยแพร่ออกไปอีกต่างหาก

เรียกได้ว่า “อุปสงค์อุปทาน ช่างต้องตรงกันเหลือเกิน..”

หรือว่า เห็นภาพ “พริตตี้สาวสวยใส” ในงานมอเตอร์โชว์ ที่โดนถ่ายภาพแบบส่องเข้าไปถึงเนื้อในสงวน แต่ก็ต้องยิ้มสู้กล้อง ทำหน้าคิกคุอาโนเนะต่อไปตลอดงาน เพราะน้องๆ เหล่านี้ถูกว่าจ้างมา เพื่อสร้างสีสันอันสดใส ให้กับบรรดาผู้เข้าชมซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ “ผู้ชาย” นั่นเอง

เพราะอ้วนเอง ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีบู๊ทรถยนต์ยี่ห้อไหน จ้างพริตตี้เป็นชายหนุ่มที่หล่อล่ำน่ามองเลย ทั้งๆ ที่ผู้ชายน่าจะสามารถบรรยายคุณสมบัติของเครื่องยนต์กลไกในรถยนต์ให้เกิดความเข้าใจได้มากกว่าผู้หญิง

หรือจะพูดถึง โฆษณาขายเครื่องสำอางยกกระชับใบหน้า, ยกทรงเพิ่มขนาดให้อึ๋มมากกว่าเก่า, อาหารเสริมเพื่อความขาว สาว สวย หุ่นดี ที่มีสารพัดยี่ห้อ จากหลากหลายประเทศ ช่วงแรกตัวเราเอง ก็พลอยตื่นเต้นสนใจไปกับสินค้าเหล่านั้น แต่พอมีสติคิดดีๆ เราก็จะเห็นความเป็นจริงของสังคมแบบทุนนิยม ที่กำลังใช้สื่อนำเสนอการบริโภค เพื่อให้ผู้หญิงส่วนใหญ่คิดแต่เรื่อง “เราต้องสวย เราต้องสาว เราต้องขาว เราต้องอึ๋ม” ไม่อย่างนั้นเราจะด้อยค่ากว่าผู้หญิงคนอื่นๆ

และมุมคิดแบบนี้ใช่ไหมค่ะ ที่ทำให้ผู้ชายเองก็คิดว่า ในหัวผู้หญิงไม่มีอะไรเป็นแกนสารสาระ นอกจากเรื่อง เสื้อผ้า หน้าผม ช็อปปิ้ง

ภาพผู้หญิงที่กำลังตกอยู่ในวังวนของเป็นการ “เหยื่อ” ระบบทุนนิยมหรือเสรีนิยมที่เน้นการบริโภคเป็นส่วนใหญ่ ทำอย่างไรก็ได้ขอให้มีการจับจ่ายใช้เงิน เป็นที่มาของคำพูดหรูๆ “ช้อปปิ้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ” ทั้งที่ความจริงน่าจะเป็น “เพื่อกระตุ้นกิเลส” ที่อยู่ในใจ

ความจริง คุณผู้ชายทั้งหลายควรภาคภูมิใจนะคะ สิ่งที่ผู้หญิงทั้งหลายพยายามทำไปนั้น ก็เพราะแรงกระตุ้นที่ถูกส่งต่อผ่านสื่อต่างๆ จนเกิดความเชื่อว่า ความสวย ความสาว ควรต้องมี ต้องสร้างให้คงอยู่ตลอดไป เพื่อความมีคุณค่า เพื่อได้รับการยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบจากคุณผู้ชายนั้นเอง

ถ้าผู้ชายต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะคุณไม่ได้มองผู้หญิงแค่ความสาว ความขาว ความสวย หรือว่าความอึ๋มแต่อย่างใด เราต้องร่วมมือกันนะคะ บอกความจริงให้ผู้หญิงทราบ ยอมรับและให้คุณค่าผู้หญิงในความดีงามภายในมากกว่าภายนอก

ลดการบริโภคที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของสังคมในแบบที่ส่งเสริมให้สตรีกลายเป็นสินค้าหรือตกอยู่ในวังวนการบริโภคแบบนี้ลงไป เช่น ไม่ใช้คุณค่าความสำคัญกับเนื้อหนังมังสาที่เร้าใจแบบนี้ได้ไหมค่ะ?

ส่วนคอมเม้นต์ในเรื่อง “นางงาม” จากที่อ้วนเคยประกวดนางงาม เป็นอดีตรองนางสาวไทย แล้วมาเปิดประเด็นเรื่อง “สิทธิสตรี มิติหญิงชาย ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน” หรือแม้กระทั่ง “เรื่องการเมือง” ก็ย่อมสร้างความสงสัยให้กับหลายๆ ท่านอยู่บ้าง

ก็ต้องตอบว่า เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นก็ไม่ได้มีมุมมองเรื่องสิทธิสตรี หรือมิติหญิงชาย หรือเรื่องอื่นๆ เลย แต่การที่ได้เข้าประกวดนางสาวไทย ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย เข้าสู่ระบบทุนนิยมหรือบริโภคนิยมแบบที่เรียกว่า “จากหน้ามือเป็นหลังมือ”

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่า “นางงาม” เป็นกิจกรรมทางสังคมยุคใหม่ ที่ผู้หญิงถูกสร้างให้มีคุณค่าด้วยระบบทุนนิยม ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ระบบนี้แล้ว นางงามก็มักมีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นๆ ในสังคม แต่โอกาสเหล่านั้นก็ไม่ได้ยาวนานเลย ขึ้นอยู่กับความสาวและสวยของแต่ละคนด้วย

การได้มีโอกาสพูดคุยกับนางงามแต่ละคน พบว่าโดยส่วนใหญ่ มีเส้นทางการดำเนินชีวิตที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทั้งหมด และถ้าถามตัวอ้วนเอง ก็ยอมรับว่า “เราเป็นขบถ” เพราะปฏิเสธแนวคิดที่ว่า “คุณค่าของผู้หญิงอยู่แค่ความสาวและความสวย” ดังนั้นจึงใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เหมือนนางงามคนอื่นๆ ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองเป็น “นางงาม” สักเท่าไร

นอกจากนี้ ก็ไม่ได้เป็นสตรีนิยมแบบหัวชนฝา หรือมีแนวทางที่ชัดเจนสุดโต้งแบบสายใดสายหนึ่งไปเลย เพราะอ้วนถือว่า เราต้องอยู่บนโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่นักวิชาการที่ยอมรับแต่ทฤษฎีที่ตนเองเชื่อ จนปฎิเสธความแตกต่าง แต่เราต้องยอมรับกับทุกสิ่งไม่ว่าจะสอดคล้องหรือแตกต่างจากตัวเองได้ ที่สำคัญคือ ใช้ทฤษฎีต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ โดยการนำมาเทียบเคียงกับความเป็นจริงตามธรรมชาติในสังคม

ดังนั้นเรามาเรียนรู้แนวคิดสตรีนิยมในสายต่างๆ ด้วยกันดีไหมค่ะ

เริ่มต้นที่แนวคิดแบบ สตรีนิยมสายถอนรากถอนโคน อธิบายว่า การกดขี่ผู้หญิงเกิดขึ้นเพราะเธอเป็นผู้หญิง หรือผู้หญิงถูกกดขี่เพราะเพศของเธอเอง โดยความไม่เทียมกันทางเพศที่เกิดขึ้นจากระบบชายเป็นใหญ่ หมายถึง ระบบของโครงสร้างสังคมและแนวการปฏิบัติที่ผู้ชายมีความเหนือกว่ากดขี่และเอารัดเอาเปรียบผู้หญิง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็นระบบที่ผู้ชายมีความเหนือกว่าผู้หญิงในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ การเมือง หรือวัฒนธรรม กลุ่มแนวคิดนี้ให้ความสนใจต่อสถานะที่เป็นรองของผู้หญิงและมองว่าความเป็นรองที่เกิดขึ้น มีสาเหตุมาจากความต้องการเหนือกว่าของผู้ชาย และได้ให้เหตุผลว่า ผู้ชายเข้มแข็งกว่า ฉลาดกว่า มีเหตุผลมากกว่า คิดอะไรที่ลึกซึ้งได้มากกว่าผู้หญิง และทำให้ความเหนือกว่าของผู้ชายนี้ดำรงอยู่ในความเชื่อของผู้คนในสังคม ผ่านทางกระบวนการขัดเกลาทางสังคมในรูปแบบต่างๆ

สตรีนิยมสายถอนรากถอนโคนนี้ ได้มีการแตกย่อยเป็นสตรีนิยมสายวัฒนธรรม (cultural feminism) และสตรีนิยมสายนิเวศ (ecofeminism)

สตรีนิยมสายวัฒนธรรม จะยอมรับว่าผู้หญิงและผู้ชายมีคุณลักษณะที่แตกต่างกัน เหมือนที่เคยเชื่อกันมาในอดีต แต่นักสตรีนิยมสายนี้เสนอว่าคุณลักษณะที่เป็นหญิงนั้นดีกว่าหรือเหนือกว่าของผู้ชาย ผู้หญิงไม่ได้ด้อยกว่าผู้ชายดังที่เชื่อกันในอดีตแต่อย่างใด เห็นได้จากความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น การเอาใจใส่ดูแล ความอ่อนโยน ความสันติ ไม่ก้าวร้าว ของผู้หญิงล้วนเป็นคุณลักษณะที่ผู้หญิงควรชื่นชม และควรรักษาความเป็นหญิงเหล่านั้นไว้

ส่วน สตรีนิยมสายนิเวศ มีความเชื่อคล้ายคลึงกับสตรีนิยมสายวัฒนธรรมว่าผู้หญิงมีความแตกต่างจากผู้ชายและดีกว่าผู้ชายตามธรรมชาติ แต่ได้มีข้อเสนอเพิ่มเติมว่าผู้หญิงมีคุณสมบัติที่ใกล้ชิดหรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับธรรมชาติ เช่นการที่ผู้หญิงเป็นผู้ให้กำเนิดบุตร ทำให้ผู้หญิงเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เชื่อมโยงกับโลก ส่วนผู้ชายนั้นใกล้ชิดกับวัฒนธรรม และในความใกล้ชิดนั้นทำให้ผู้ชายได้ประสบความสำเร็จในการเอาเปรียบผู้หญิงและสร้างปัญหากับธรรมชาติ

ถ้าเป็น สตรีนิยมสายสังคมนิยม ถือว่ามีความคล้ายคลึงกับ สตรีนิยมสายมาร์กซิสต์ อยู่หลายประการ เช่น มีความเชื่อว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีความเหมือนกัน หรือมีการวิเคราะห์สังคมโดยแบ่งเป็นโลกส่วนตัวและโลกสาธารณะ รวมทั้งการเสนอให้ผลักดันโลกส่วนตัวเข้าไปอยู่ในโลกสาธารณะ แต่ที่แตกต่างกันคือ สตรีนิยมสายสังคมนิยมมองว่า การอธิบายถึงการกดขี่ผู้หญิงจำเป็นต้องทำความเข้าใจต่อโลกหรือพื้นที่ส่วนตัวด้วย เช่น ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างเพศหญิงกับเพศชายและหน้าที่การให้กำเนิดบุตรของผู้หญิง

ดังนั้นสตรีนิยมสายนี้ได้เสนอมุมมองที่น่าสนใจว่า ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ เป็นผลจากการปฏิสัมพันธ์กันของระบบชายเป็นใหญ่และระบบทุนนิยมในสังคม หรือกล่าวได้ว่า เมื่อทั้งระบบความเป็นเพศและระบบเศรษฐกิจมาสัมพันธ์กันในยุคสมัยหนึ่งๆ ได้ทำให้เกิดโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่ผู้ชายอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ ส่วนผู้หญิงอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบ

ตัวอย่างเช่น ระบบชายเป็นใหญ่ได้สร้างความเชื่อที่ว่า คุณค่าของผู้หญิงอยู่ที่ความสวยและความสาว ส่วนคุณค่าของผู้ชายอยู่ที่ความสามารถ การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความเชื่อนี้เมื่อปฏิสัมพันธ์กับเศรษฐกิจแบบตลาดที่ต้องการขายสินค้าให้ได้เป็นจำนวนมาก จึงมีการใช้สื่ออย่างเต็มที่ ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทำให้ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อทางการค้าของธุรกิจเครื่องสำอางค์หลากหลายชนิดอย่างเต็มใจ เพื่อต้องการความสวยและรักษาความสาวไว้

ส่วน สตรีนิยมสายจิตวิเคราะห์ เป็นแนวคิดสตรีนิยมอีกสำนักหนึ่ง ได้ใช้แนวคิดของจิตวิเคราะห์อธิบายถึงการเกิดขึ้นของความเป็นชายความเป็นหญิงซึ่งนำไปสู่ความเป็นรองของผู้หญิง โดยเชื่อว่าการทำความเข้าใจต่อพัฒนาการความเป็นชายเป็นหญิงจำเป็นต้องทำ เพื่อความเข้าใจในระดับจิตใจ

โดยนักสตรีนิยมสายนี้เชื่อว่าความเป็นเพศ หรือความเป็นชายเป็นหญิงไม่ใช่เรื่องทางชีวะที่มีโดยธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นในระดับจิตไร้สำนึก (unconciousness) ในพัฒนาการชีวิตในช่วงต้นๆ ของเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญในการก่อรูปอัตลักษณ์ของความเป็นเพศ เป็นต้น (ข้อมูลในส่วนแนวคิดสตรีนิยมสายต่างๆนี้ อ้วนได้คัดลอกบางส่วนมาจากเว็บไซต์ “มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน” คะ ถ้าท่านใดต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากกว่านี้ เข้าไปหาข้อมูลในเว็บฯ ดังกล่าวได้)

อาจมีหลายท่านปฏิเสธแนวคิดสตรีนิยมข้างต้น โดยมีมุมมองว่า เป็นแนวคิดที่คับแคบ เนื่องจากเป็นมุมมองของเพศหญิงด้านเดียวเท่านั้น ไม่ได้เปิดกว้างรับฟังแนวคิดจากเพศอื่นๆ บ้าง แนวคิดนี้น่าสนใจคะ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า มุมมองของคนเพศใดถูกต้องที่สุด หากแต่ละฝ่ายต่างก็ยืนยันว่า ของตัวเองถูกต้องดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง

ดังนั้น การยอมรับในความแตกต่างกันและเข้าใจในวิธีคิดของกันและกัน จะช่วยให้เกิดภาพรวมที่สมบูรณ์มากขึ้นไหมคะ ?

Comments are closed.

Pin It