คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
3. กามนิทรา (SEXSOMNIA)
คนที่เป็นโรคกามนิทราจะมีเซ็กซ์ขณะพวกเขาหลับ โดยปกติพวกไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปจนกว่าจะเผชิญหน้ากับหลักฐานหรือโดยการบอกของผู้อื่น พฤติกรรมอาจมีตั้งแต่การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองไปจนถึงการร่วมเพศขณะหลับ
นักกามนิทราเคยถูกพบว่าละเมอเดินออกจากบ้านและไปมีเซ็กซ์กับคนแปลกหน้า กรณีนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง สำหรับผู้ชายก็มีกรณี ละเมอเดินไปข่มขืนผู้อื่นขณะหลับ
กามนิทราคือ อาการของ NON-EYE-RAPID MOMENT(REM)PARASOMNIA ซึ่งเป็นการหลับผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาระหว่างการหลับลึกกับการตื่นอยู่ ความผิดปกติอื่นๆ ของโรคนี้ ประกอบด้วย การละเมอเดิน การกินขณะหลับ การคุยขณะหลับ การฝันร้าย และการกัดฟัน
คนที่เป็นโรคกามนิทราโดยปกติมักจะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งของโรคหลับผิดปกตินี้ หรืออาจมากกว่า 1 อย่างก็ได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการหลับผิดปกตินี้มีหลายอย่างเช่น ความเครียด ภาวะสูญเสียการหลับ ภาวะหยุดหายใจชั่วคราว หรือการใช้ยาเสพติด และแอลกอฮอล์ ล้วนเป็นตัวกระตุ้นทั้งสิ้น
นักกามนิทรามักจะรู้สึกละอายและอับอายจากพฤติกรรมของตัวเอง และมันสามารถทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ แต่ความเสียหายสามารถเกิดได้สูงกว่านั้นอีก ผู้ชายหลายคนเคยโดนข้อหาข่มขืนหลังจากกามนิทรานั้น แต่เมื่อมีการวินิจฉัยโรคอย่างเป็นทางการแล้ว ก็นำไปสู่การตัดสินให้พ้นโทษ คดีหนึ่งในโตรอนโต ประเทศแคนาดา เมื่อปี2005 ทำให้หลายคนได้ยินคำว่า SEXSOMNIA เป็นครั้งแรก ทั้งๆ ที่โรคนี้มันมีมานานแล้ว
การรักษาโรคกามนิทราก็เป็นไปในแนวทางเดียวกับการรักษาโรคหลับผิดปกติอื่นๆ เช่น ใช้เครื่อง CPAP (CONTINOUS POSITIVE AIRWAY PRESSURE:เครื่องพ่นอากาศช่วยหายใจต่อเนื่อง) ซึ่งใช้รักษาโรคภาวะสูญเสียการหลับ (APNEA) ก็สามารถลดหรือขจัดพฤติกรรม กามนิทราได้ด้วย นักกามนิทราหลายคนหายขาดจากโรคนี้ในการรักษาด้วย โคลโนพิน (KLONOPIN หรือ CLONAZEPAM) ซึ่งเป็นยาคลายเครียดที่ใช้รักษาโรคหลับผิดปกติอื่นๆ เช่นกัน
4. ภาวะไร้กามารมณ์ (ASEXUALITY)
หลายคนมองว่ากามารมณ์เป็นส่วนหนึ่งที่บอกความเป็นตัวตนของพวกเขา และเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นต่อความสัมพันธ์ทางเพศ แต่เซ็กซ์ไม่มีความสำคัญอะไรเลยในชีวิตของคนจำนวนน้อยกลุ่มหนึ่ง คนไร้กามารมณ์ไม่มีพลังขับดันทางเพศหรือเสน่ห์ทางเพศต่อผู้อื่น อาการนี้แตกต่างจากการครองตัวเป็นโสดซึ่งชอบมีเซ็กซ์แต่ไม่ชอบมีเมีย
คนไร้กามารมณ์เลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวในกิจกรรมทางเพศ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความผิดปกติทางเพศแต่อย่างใด ในทางกายภาพพวกเขาสามารถมีเซ็กซ์ได้ แต่ไม่ชอบที่จะมี พวกเขาไม่กังวลต่อการขาดพลังขับทางเพศ และไม่เชื่อว่ามีอะไรผิดปกติในตัวพวกเขา
คนไร้กามารมณ์สามารถมีความสัมพันธ์อันโรแมนติคและอาจแต่งงานได้ พวกเขามักอธิบายแนวทางกามารมณ์ที่มีต่อเซ็กซ์ของพวกเขาว่าคนเรามีเสน่ห์ทางอารมณ์มากกว่าทางกาย
ทัศนะของคนไร้กามารมณ์ที่มีต่อเซ็กซ์อาจมีตั้งแต่รังเกียจสุดขีดลดหลั่นลงไปจนถึงเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมเพื่อผลประโยชน์ของอีกคนหนึ่ง (มีเซ็กซ์เพื่อให้ความสุขแก่คู่รัก) คนไร้กามบางคนบอกว่าพวกเขาสำเร็จความใคร่ให้ตนเองแต่ถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของระบบในร่างกาย ไม่ใช่ส่วนของกามารมณ์
การศึกษาภาวะไร้กามารมณ์ในอดีตเคยเป็นสิ่งท้าทายมาก โดยเฉพาะเมื่อนักวิจัยทางเพศจำนวนมากไม่ได้สรุปมันว่าเป็นทางเลือกหนึ่งในการสำรวจเกี่ยวกับการกำหนดแนวทาง ทางเพศ และการปฏิบัติทางเพศ อย่างไรก็ตาม ในปีหลังๆ นี้ คนไร้กามมีการออกมาพูดมากขึ้น จัดตั้งประชาคมและให้การศึกษาเรื่องภาวะไร้กามารมณ์แก่คนอื่นๆ ด้วย
แค่การดำรงอยู่ของภาวะไร้กามารมณ์ก็เป็นเรื่องถกเถียงกันได้แล้วว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่ ถ้าไปถามพระก็จะได้รับคำตอบว่า “OH YES, IT’S SO GOOD” ในขณะที่ชายชราหลายคนกำลังหาซื้อไวอะกร้าอย่างขะมักเขม้น
5. กามวัตถุนิยม (PARAPHILIA)
ถ้าจะให้เอ่ยชื่อของภาวะทางเพศที่ถูกพิจารณาว่า “ผิดปกติ” สุดๆ หลายคนก็น่าจะชี้ไปที่คำว่า FETISHES หรือที่เรียกกันในหมู่จิตแพทย์ว่า “พาราฟิเลีย” (PARAPHILIA) ซึ่งหมายถึง ความผิดปกติทางจิตอันมีลักษณะที่ฝันเฟื่องทางเพศ แรงกระตุ้นทางเพศหรือพฤติกรรมทางเพศเกี่ยวข้องกับวัตถุ เป็นบุคคลที่ทุกข์ทรมานหรืออัปยศอดสูหรือไม่ยอมบรรลุนิติภาวะ
โดยทั่วไปกามวัตถุนิยม เป็นอาการสุดขั้วและหลุดกรอบบรรทัดฐาน คนที่เป็นโรคนี้มักไม่สามารถได้รับความพอใจทางเพศโดยปราศจากวัตถุหรือการกระทำผิดธรรมดาอย่างใดอย่างหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การดมกางเกงในผู้หญิงขณะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง การอวดอวัยวะเพศของตัวเอง การดูอวัยวะเพศของผู้อื่น การแอบดูผู้อื่นร่วมเพศ เป็นต้น บางคนก็มุ่งไปยังการกระทำที่เป็นอันตรายและผิดกฎหมาย ภาวะนี้สร้างความเสียหายร้ายแรงได้มาก
มีข้อถกเถียงกันว่าบางอาการควรจัดเป็นความผิดปกติทางจิตหรือไม่ ตัวอย่าง เช่น บางคนแย้งว่า อาการอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคนบรรลุนิติภาวะซึ่งไม่ได้สร้างความเสียหายต่อตนเองหรือผู้อื่นย่อมไม่ใช่ความผิดปกติทางจิตอย่างแท้จริง เช่นการชอบดูหนังโป๊ หรือผู้ชายที่เกิดอารมณ์เพศเมื่อสวมเสื้อผ้าของผู้หญิงเป็นต้น
นักวิจัยไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของกามวัตถุนิยม มันอาจเกิดจากพฤติกรรมหรือสังคมในวัยเด็กของพวกเขา หลายคนไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ กับสภาวะของพวกเขาจนกระทั่งถูกค้นพบโดยผู้อื่น
การให้คำปรึกษาควบคู่ไปกับการบำบัดทางพฤติกรรมและการให้ความรู้ความเข้าใจ สามารถช่วยให้บางคนหยุดกามวัตถุนิยมของพวกเขาได้ และตัวยาริทาลิน (RITALIN) ก็ช่วยได้เช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว พาราฟิเลีย เป็นโรคที่รักษายาก
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net