คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
สัปดาหนี้มาส่องดูการตั้งครรภ์ประหลาดๆ ในโลกใบนี้กันครับ
1. การตั้งครรภ์กับคู่แฝดของตัวเอง
โอเค นี่ไม่ใช่การตั้งครรภ์ตามความหมายทั่วไปของมัน แต่เป็นความซับซ้อนทางการตั้งครรภ์ที่หายาก
แต่มันถูกพิสูจน์ว่าเป็นการตั้งครรภ์แฝด คือ ตั้งครรภ์กับคู่แฝดของคุณ ทารกในทารกมันก็เหมือนพยาธิที่อาศัยอยู่ในตัวคน หรือกาฝากในต้นไม้นั่นแหละ คุณตั้งท้องเป็นแฝดคู่เหมือน แต่ในช่วงแรกของไตรมาสแรกมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากกัน บางครั้งมีผลให้กลายแฝดติดกัน (แฝดสยาม)
และบางรายซึ่งหายากกว่า มันสามารถมีผลให้ตัวอ่อนหนึ่งถูกดูดซึมผ่านทางสายสะดือและช่องท้องที่ยังไม่พัฒนาของตัวอ่อนอีกตัว คู่แฝดที่ถูกดูดซึมนี้ยังไม่มีพัฒนาการมากนักก่อนการดูดซึมดังกล่าว โดยทั่วไปมันเป็นเพียงกลุ่มเซลและอาจเป็นอวัยวะบางส่วนของร่างกายเท่านั้น
มันกลายเป็นเหมือนเนื้องอกของคู่แฝดตัวที่รอดชีวิต เป็นปรสิตที่เลี้ยงชีวิตด้วยเลือดของเจ้าของร่าง ตัวอ่อนในตัวใหญ่ถูกตรวจพบเมื่อมีการสงสัยว่าเกิดเนื้องอกในช่องท้องของคู่แฝดคนที่รอดชีวิต ตามปกติจะตรวจพบตอนยังเป็นทารกหรือในวัยเตาะแตะ
2. ท้องไม่รู้ตัว
เมื่อคุณพยายามตั้งครรภ์ มันอาจดูเหมือนว่าทุกคนรอบตัวคุณล้วนตั้งครรภ์ 3 เดือนกันหมดในขณะที่คุณรอข่าวดีเดือนแล้วเดือนเล่า (แต่ก็ไม่ท้องสักที) อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงบางคนตั้งครรภ์แล้ว แต่ไม่รู้ตัว และเราไม่ได้หมายถึง 2-3 สัปดาห์แรกของไตรมาสแรกด้วย
มีเหตุผลสองสามประการที่ผู้หญิงอาจไม่มีเบาะแสว่าพวกเธอตั้งครรภ์แล้ว เช่น การตรวจครรภ์โดยเครื่องตรวจด้วยตัวเอง ก็ไม่เจอ เพราะเครื่องตรวจดังกล่าวไม่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะถ้ามันถูกใช้แต่เนิ่นเกินไปในช่วงตั้งครรภ์ที่ยังไม่มีเวลานานพอสำหรับการสร้างฮอร์โมนตั้งครรภ์ รอบเดือนก็ทำให้เข้าใจผิดได้เช่นกัน
การตกเลือดสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ และถ้าประจำเดือนของคุณมาไม่ปกติ (เพราะความเครียด การออกกำลังกายหนัก การอดอาหารอย่างเข้มงวดหรืออาการผนังรังไข่อักเสบ) การตกเลือดอย่างกะทันหันนี้ก็อาจทำให้คุณคิดว่าคุณมีรอบเดือนตามปกติ
ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณอาจตั้งครรภ์แล้ว อาการเหล่านี้สามารถทำให้คุณคิดว่าเป็นสาเหตุจากเรื่องอื่นได้ เช่น ท้องผูก มีแก๊สในกระเพาะ อารมณ์แปรปรวน แล้วเรื่องใหญ่อย่างมีน้ำหนักเพิ่มอีกล่ะ ถ้าผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งใจจะตั้งครรภ์หรือคิดว่าตัวเองเป็นหมัน การมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอันมีสาเหตุจากการตั้งครรภ์อาจทำให้พวกเธอคิดไปได้ว่ามันเนื่องจากการกินตามใจปากและขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะถ้าผู้หญิงคนนั้นอ้วนตามปกติอยู่แล้ว
การแพ้ท้องแทนเมียก็เป็นอาการประหลาดในเรื่องของการตั้งครรภ์เช่นกัน สามีบางคนอ้างว่าพวกเขามีอาการท้องบวม อารมณ์แปรปรวน คลื่นไส้ตอนเช้า และแม้กระทั่งเจ็บท้องคลอดในระหว่างการตั้งครรภ์ของภรรยา
การวิจัยในปี2007ที่โรงพยาบาลเซนต์จอร์จในลอนดอน พบว่าอาการแพ้ท้องแทนเมียหรือ COUVADE SYNDROME นี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างที่ผู้ชายบางคนประสบ
3. นึกว่าตัวเองท้อง
ศูนย์สถิติสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ รายงานว่า ในปี 2007 มีเด็กเกิด 4,300,000 คนในอเมริกา เป็นสถิติการเกิดสูงสุดภายในปีเดียวของอเมริกา แต่จำนวนการตั้งครรภ์สูงกว่านั้นเยอะ
คร่าวๆ ก็คือ หนึ่งในสามของการตั้งครรภ์ทั้งหมดลงเอยด้วยการแท้งในสัปดาห์ต้นๆ มักจะก่อนที่ผู้หญิงจะรู้ตัวว่าเธอตั้งครรภ์เสียอีก และสถาบันกุมารแพทย์แห่งอเมริกา ประมาณว่ามีโอกาสประมาณ 25% ของการแท้งบุตรหลังจากการตั้งครรภ์ได้รับการยืนยัน
ความล้มเหลวของการตั้งครรภ์ระยะต้นคือ เหตุผลหนึ่งที่ผู้หญิงอาจคิดว่าเธอตั้งท้องแล้วพบว่าถุงน้ำคร่ำที่เธอเห็นในจออัลตราซาวด์มันไม่มีพัฒนาการ-ไม่มีตัวอ่อน อย่างนี้ก็เรียกกันว่าเซลล์ไข่เสื่อม ในกรณีเช่นนี้ เมื่อรกเริ่มพัฒนา ฮอร์โมนตั้งครรภ์ถูกยับยั้ง แต่การทดสอบการตั้งครรภ์จะออกมาเป็นบวก อย่างไรก็ตาม พอสิ้นสุดไตรมาสแรก ร่างกายก็จะขับเซลล์ไข่เสื่อมออกมา
การตั้งครรภ์ทางเคมีเป็นอีกผลหนึ่งที่ผู้หญิงคิดว่าตัวเองตั้งครรภ์
ในระหว่างการตั้งครรภ์ทางเคมี ไข่ฟองหนึ่งจะเจริญพันธุ์และฝังตัวอยู่ในผนังมดลูก แต่ระดับฮอร์โมนตั้งครรภ์ยังต่ำอยู่ แม้เครื่องทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเองจะบอกว่าเป็นบวกจางๆ แต่การตั้งครรภ์ไม่อาจเป็นไปได้
4. คู่แฝดที่หายไป
คุณรู้ไหมว่า ตามข้อมูลของรายงานสถิติสำคัญแห่งชาติของอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่าใน 20 ปีที่ผ่านมา แม่ๆ อเมริกันเคยให้กำเนิดบุตรท้องละหลายคน (95%เป็นแฝดสอง) ในอัตราที่เพิ่มขึ้นมากทุกที ปัจจุบัน มากกว่า 3% ของทารกเกิดมาเป็นแฝดสอง แฝดสาม หรือมากกว่านั้น
คุณอาจเคยพยายามตั้งครรภ์มาเป็นปีๆ กว่าจะสำเร็จ แต่ในที่สุดคุณก็อยู่บนเส้นทางของความเป็นแม่แล้ว คุณก็ไปให้หมอตรวจเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อไหร่ที่ลูกของคุณจะคลอดออกมาให้เชยชม คุณหมออาจทำอัลตราซาวด์ให้คุณในขณะที่คุณเริ่มตั้งครรภ์ได้ 7 สัปดาห์ และแสดงความยินดีกับคุณ “คุณกำลังจะมีลูกแผด!” แต่เมื่อคุณกลับมาตรวจในสัปดาห์ที่ 12 ปรากฏว่าไม่มีวี่แววของเจ้าหนูคนที่สองแต่ประกายใด เกิดอะไรขึ้น? คู่แฝดหายไปแล้ว!
ในขณะที่ยังไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุการหายไปของคู่แฝดคืออะไรนั้น นายแพทย์บางคนมีทฤษฏีว่า บางครั้งการหายไปของตัวอ่อนอาจเกิดจากความผิดปกติทางโครโมโซม หรืออาจเนื่องจากปัญหาการฝังตัวในมดลูก ในกรณีส่วนใหญ่ การหายไปของคู่แฝดนั้นเกิดขึ้นในระหว่างไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์(สามารถเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้ แต่ยาก) เมื่อคู่แฝดคนหนึ่งหายไปในไตรมาสแรก เนื้อเยื่อและของเหลวที่เกี่ยวข้องมักจะถูกดูดซึมโดยร่างกายของแม่ และตัวอ่อนที่เหลืออยู่ก็มักมีสุขภาพดีและอยู่รอดจนถึงกำหนดคลอด
สมาคมการตั้งครรภ์อเมริกันประมาณการณ์ว่าระหว่าง 21-30 %ของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บุตรหลายคน ประสบกับอาการคู่แฝดหายไปไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม คุณจะไม่รู้ตัวได้ยังไง? เว้นแต่ว่ามีปัญหาหนึ่ง เช่น เคยมีประวัติการแท้งบุตร หรือประเด็นการเจริญพันธุ์อื่นๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ทำอัลตราซาวด์ครั้งแรกจนกว่าจะถึงไตรมาสที่สอง ระหว่าง 16-20 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์
5. ผู้ชายตั้งครรภ์
คุณเคยได้ยินเรื่องราวของ โธมัส บีตี้ (THOMAS BEATIE) ผู้ชายที่ให้กำเนิดบุตรถึงสองครั้ง (และคาดว่าจะคลอดบุตรคนที่สามในเร็วๆ นี้หรือไม่?)
บีตี้เป็นผู้ชายแปลงเพศ เกิดเป็นผู้หญิงตามหลักชีววิทยา แต่ถูกกำหนดอัตลักษณ์เป็นผู้ชาย และก้าวขึ้นสู่การเป็นเพศชายที่ถูกต้องตามกฎหมาย การแปลงเพศเป็นกรรมวิธีเฉพาะตัวอันยาวนาน
สำหรับบีตี้ ต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ซึ่งประกอบด้วยการประเมินข้อวินิจฉัยและการวินิจฉัยความผิดปกติของอัตลักษณ์ทางเพศ การบำบัดทางจิต ประสบการณ์ชีวิตจริง การเปลี่ยนฮอร์โมนและศัลยกรรม
คนไข้ที่เปลี่ยนอวัยวะเพศหญิงเป็นชาย อาจเลือกที่จะมีการผ่าตัดหลายครั้ง รวมทั้งการผ่าตัดมดลูกและอื่นๆเพื่อเอาช่องคลอดออกไป สร้างองคชาตใหม่และติดอัณฑะเทียม แต่บีตี้เลือกที่จะเก็บอวัยวะการผลิตบุตรของเพศหญิงไว้ในระยะการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย โดยรู้ดีว่าวันหนึ่งเขาอยากจะมีลูกด้วยตนเอง
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net