ใครว่าแค่มีเงินก็ซื้อเพชรได้! หลายคนอดสงสัยซื้อเพชรต้องเลือกอย่างไร ต้องรู้อะไรก่อนเข้าร้านเพชรบ้าง เพชรปลอมเพชรจริงต่างกันอย่างไร งานนี้ สา-ธมลวรรณ เอกบัณฑิต แห่งร้าน Proud Gem จึงนำประสบการณ์ตั้งแต่รุ่นคุณแม่บวกกับความรู้จากสถาบัน GIA สถาบันตรวจวิเคราะห์อัญมณีศาสตร์ระดับโลก บวกกับความชอบในการตอบคำถาม มาไขเคล็ดลับในการเลือกซื้อเพชร
“สาเริ่มต้นตอบคำถามเรื่องเพชรเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผ่าน www.doctordiamond.info ตอนนั้นก็เริ่มแค่พันกว่ากระทู้ จนถึงตอนนี้มีคำถามกว่า 4,000 คำถาม จนตัวเองถูกเรียกให้เป็น Doctor Diamond สาก็เลยรวบรวมคำถามยอดฮิตมาเขียนเป็นหนังสือ “ซื้อเพชร ให้ได้เพชร” ให้ผู้สนใจเรื่องเพชรได้เข้าใจง่ายๆ”
จากคำถามที่ว่า จะเริ่มต้นซื้อเพชรอย่างไร? ด็อกเตอร์ไดมอนด์ มีคำแนะนำง่ายๆ ว่า เริ่มต้นจากดูงบประมาณเราก่อน เมื่อมีงบประมาณไว้ในใจแล้ว ก็ต้องเลือกร้านเพชรที่น่าเชื่อถือ “ความน่าเชื่อถือของร้านและเพชรยืนยันได้จากใบรับรองมาตรฐานหรือเรียกสั้นๆ ว่า ใบเซอร์ฯ โดยมีสถาบันอัญมณีศาสตร์มารับรอง”
หลายคนอาจคิดว่าเสียดายหากต้องจ่ายค่าตรวจสอบเพชรเพื่อรับใบเซอร์ แต่ด็อกเตอร์ไดมอนด์การันตีว่า “คุ้มค่า” กว่าหากคุณอยากรู้ว่าเพชรเม็ดนั้นมีคุณสมบัติครบตรงตามที่ผู้ขายเชียร์ขายให้หรือเปล่า
“คุณลักษณะที่ดีของเพชร มี 4 C ที่เราต้องรู้ ได้แก่ Color(สี), Clarity (ความบริสุทธิ์) Cut (การเจียระไน) และ Carat (น้ำหนัก) ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้จะแจ้งไว้ในใบเซอร์ฯ ของเพชรแต่ละเม็ด อย่างละเอียด เพราะเดี๋ยวนี้เพชรถูกทำทรีตเม้นต์เยอะ คือ ผ่านกระบวนการทำให้ใสและยิงเลเซอร์เพื่อลดรอยตำหนิของเพชร”
สา เผยถึงคุณลักษณะของเพชรทั้ง 4 C ว่า “สีก็ต้องขาวใส โดยมาตรฐานสีของเพชรจะเริ่มตั้งแต่ Z ถึง D โดยเพชรน้ำ 100 หรือ D Color ซึ่งมีความขาวใสที่สุดและหายากที่สุด แต่ร้านส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะใช้เพชรน้ำ 97 หรือ G color ส่วนความบริสุทธิ์ ของเพชรนั้นจะมี 11 ระดับ บางเม็ดอาจมีตำหนิขนาดเล็กมากที่เรียกว่า Pin Point หรือบางเม็ดมีทั้งรอยจุดหรือรอยเป็นทางยาว หรือบางเม็ดรอยมองเห็นได้ทันทีด้วยกล้องกำลังขยาย 10 เท่า ซึ่งอย่างหลังคงไม่ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ แต่รายละเอียดตำหนิทุกอย่างจะมีแสดงอยู่ในใบเซอร์ค่ะ สำหรับการเจียระไนจะมี 5 ระดับ โดยระดับสูงสุดคือ Excellent ซึ่งจะมีการเจียระไนที่สมบูรณ์แบบที่สุด สังเกตได้จากความเปล่งประกายแวววาวสดใส โดยเขาจะวัดจากการเทียบสีของเม็ดมาสเตอร์ในห้องแล็ปส์ ปิดท้ายที่น้ำหนัก โดยเพชร 1 กะรัต มี 100 สตางค์ แต่น้ำหนักของเพชรไม่ได้เป็นองค์ประกอบหลัก เพราะเพชรเม็ดเล็กหากมีสีและการเจียระไนที่ดีย่อมเปล่งประกายระยิบระยับไม่แพ้กัน”
เมื่อได้เพชรเม็ดโปรดแล้ว ต่อมาก็ถึงเวลาเลือกดีไซน์ของเครื่องประดับ สำหรับคู่แต่งงานซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของร้านในปัจจุบันไม่นิยมดีไซน์หวือหวา แต่จะเน้นเรียบๆ และเข้าชุดกันทั้งแหวน ตุ้มหู สร้อยคอ “บางคู่ก็นิยมเล่นเลขค่ะ เช่น .53 กะรัต แต่หากหาไม่เจอก็เปลี่ยนเป็น .35 กะรัต เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะมีลูกเล่นแปลกๆ ไป แต่ทั้งนี้ การเลือกซื้อเพชรแต่ละครั้งต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้เพชรในสเป็กที่ต้องการ บางเม็ดมีสเปคสูงอาจต้องใช้เวลาเป็นปีในการเสาะหา แต่สุดท้ายใครจะเลือกซื้อเพชร ก็ต้องพูดคุยและสอบถามรายละเอียดจากร้านเพชรให้ครบถ้วน”
ได้คำแนะนำกันคร่าวๆ แล้ว ใครสนใจอยากปรึกษาเรื่องเพชรกับคุณหมอ Diamond แบบหนำใจ แวะไปพูดคุยกับสา ได้ที่ ร้าน Proud Gem ชั้น 3 สยามเซ็นเตอร์ หรือที่งาน Wedding Fair 2012 “The Memory of Love” ห้องบอลรูม โรงแรมอีสติน มักกะสัน กรุงเทพ วันที่ 26-27 พฤษภาคม นี้ 10.00 – 20.00 น.
Text by เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวัน: สังคม-สตรี
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net