Celeb Online

แฟชั่นไทยพร้อม! สู่อาเซียน


ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดประตูสู่อาเซียน ที่ประชาชนชาวอาเซียนรอคอยมานาน โดยเฉพาะ ในวงการแฟชั่น ที่กลุ่มนักออกแบบไทย อยากเผยแพร่ผลงานสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุด โครงการ Workshop for BIFF&BILL 2016 โดย ผศ.ดร.อโนทัย ชลชาติภิญโญ หัวหน้าโครงการ พร้อมจะเผยผลงานนักออกแบบไทย ในงาน BIFF&BILL 2016 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9-13 มี.ค.59 ณ ชาเลนเจอร์ 1-2 เมืองทองธานี

ก่อนที่จะได้ชมผลงานดังกล่าว อ.อโนทัย ได้บอกเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในวงการแฟชั่นบ้านเรา หลังการเปิดประตูอาเซียนว่า “ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยพัฒนาฝีมือและงานออกแบบขึ้นมาก ประเทศเราได้เปรียบกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเรามีทั้งฝีมือแรงงานและแหล่งวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ หลังจากประเทศทั้งหมดรวมกันเป็นอาเซียน การเดินทางไร้พรมแดน กรุงเทพมหานครจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เดินทางเข้ามารู้จักแบรนด์แฟชั่นของไทย ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก เพราะสินค้าดีไซน์ของเรามีตั้งแต่เล็กๆ ราคา 199ที่ตลาดจตุจักร ไปจนถึงแบรนด์เนม 30,000 กว่าบาท บนห้างสรรพสินค้า และยังจะเกิดการแลกเปลี่ยนแรงงาน ซึ่งแบรนด์ไทยอาจจะมีแรงงานจากอินโดนีเซีย เวียดนาม ฯลฯ มีการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร จนเกิดการพัฒนาด้านธุรกิจในอนาคตได้”

อ.อโนทัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันแบรนด์เนมไทยก็ถูกใจแฟชั่นนิสต้าในอาเซียนอยู่แล้ว หากไปดูเมืองชอปปิง อย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน ก็จะมีแค่สินค้าแบรนด์เนมระดับอินเตอร์ แต่เมืองไทยยังมีเสื้อผ้าที่มีความน่ารัก มีลายพิมพ์ที่ไม่เหมือนใคร เสน่ห์ในงานดีไซน์เหล่านี้ของแบรนด์ไทย กลายเป็นเสน่ห์ที่นักชอปชื่นชอบ

“นักออกแบบหลายคนอาจจะตามเทรนด์ อิงตามสิ่งที่แบรนด์ระดับโลกกำหนด โดยลืมมองถึงวัฒนธรรมของประเทศลูกค้าในAEC ที่มีความหลากหลาย อย่าง วัฒนธรรมการแต่งกายของประเทศในอาเซียนก็แตกต่างกันออกไป เช่น คนสิงคโปร์จะแต่งตัวเรียบๆ ขรึมๆ ไม่เน้นสีสัน เพราะใช้ชีวิตค่อนข้างเครียด กระเป๋าก็ต้องใบใหญ่ เพื่อใส่เอกสาร แลปท็อปได้ทั้งหมด ในขณะที่ ประเทศมุสลิมต้องการแต่งตัวสีสันจัดๆ ใช้ผ้าพริ้วเยอะๆ บางคนนุ่งแต่ชุดสีดำ คนญี่ปุ่นที่เผชิญภัยธรรมชาติเยอะๆ ก็จะชอบใช้วัสดุธรรมชาติ ชอบสีเรียบๆ นอกจากโตเกียวที่เป็นเมืองที่วุ่นวาย ก็จะชอบใช้สีจัดๆ สีโดดๆ ออกมา ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องศึกษาวัฒนธรรมของแต่ละประเทศด้วย” อาจารย์แนะนำ

ทั้งนี้ อาจารย์ได้ฝากถึงเทรนด์แฟชั่นโลกปี 2017ที่ผู้ประกอบการต้องศึกษาได้แก่ 4 เทรนด์หลัก เจาะ4 กลุ่มที่ไม่เหมือนกัน ได้แก่ กลุ่มแรก ชอบโหยหาอดีต (PAUSE) จะย้อนกลับไปยังยุค 80, 90 และกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มที่คิดถึงอนาคตและความเจริญต่างๆ (Digital Wave)เน้นความเป็นโมเดิร์น, กลุ่มที่สามจะคิดถึงธรรมชาติ (Edgeland) เน้นความเรียบๆ เป็นมินิมอล และกลุ่มที่สี่จะคิดถึงโลกผจญภัย สตรีทแวร์ (End Counter Culture) จะใช้สีเจ็บๆ อย่าง เม็กซิกัน เปรู

เสน่ห์ของงานดีไซน์จากผู้ประกอบการไทย ที่เก็บตัวพัฒนาคอลเลกชันกันมาเกือบครึ่งปี พร้อมจะอวดโฉมสู่สายตาทั่วโลกแล้ว ในงาน Biff&Bill 2016 ใครสนใจไม่ควรพลาด