เรือนเวลาหรูสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ‘มิโด’ (Mido) จัดแคมเปญ ‘มาย มิโด เลิฟ เดท’ (MY MIDO LOVE DATE) เอาใจเหล่าคู่รักได้บอกเล่าเรื่องราวความรักไร้กาลเวลาผ่านเรือนเวลาดีไซน์หรูที่จะคอยเชื่อมหัวใจของกันและกัน พร้อมแนะนำเทคนิคการเลือกนาฬิกามอบเป็นของขวัญให้แก่คนรักรับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์
แคมเปญ ‘มาย มิโด เลิฟ เดท’ ได้จับคู่คอลเลกชั่นสำหรับคู่รัก เริ่มที่ คู่คอลเลกชั่น ‘บารอนเชลลี่ ดอนน่า โรซ่า’ (Baroncelli Donna Rosa) นาฬิกาข้อมือสำหรับหญิงสาวที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิงที่น่าหลงใหลและสง่างาม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากดอกกุหลาบอันงดงามจากธรรมชาติ ถ่ายทอดผ่านดีไซน์ตัวเรือนวงกลมโค้งมนเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ที่ชวนให้นึกถึงกลีบของดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบาน มาพร้อมกับการขับเคลื่อนตัวเรือนด้วยกลไก Caliber 80 ที่ถูกพัฒนาได้รับมาตรฐานทำให้มีกำลังสำรองถึง 80 ชั่วโมง จับคู่กับนาฬิกาบุรุษอย่าง ‘บารอนเชลลี่ บิ๊ก เดท’ (Baroncelli Big Date) คอลเลกชั่นพิเศษเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีแบรนด์ ‘มิโด’ ที่ถูกสร้างสรรค์การออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานความงดงามของสถาปัตยกรรม 2 แห่งเข้าด้วยกัน อย่าง แรนส์ โอเปร่าเฮ้าส์ ในประเทศฝรั่งเศส และ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยเส้นสายความโค้งมนบนตัวเรือนของบารอนเชลลี่นั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงเทคนิคการออกแบบและความประณีตชั้นสูงในการสร้างสรรค์เรือนเวลาได้อย่างมีเอกลักษณ์ผสานเข้ากับฟังก์ชั่น Big Date ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของทางแบรนด์ที่มีรูปแบบการแสดงวันที่ขนาดใหญ่มาใช้เป็นจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ พร้อมกับการเพิ่มระดับของกำลังสำรองกลไกให้เพิ่มขึ้นเป็น 80 ชั่วโมง
ถัดมาที่คู่นาฬิกาคอลเลกชั่น ‘บารอนเชลลี่ เลดี้ เดย์ แอนด์ ไนท์’ (Baroncelli Lady Day & Night) นาฬิกาสำหรับหญิงสาวที่มีคอนเซ็ปต์หนึ่งเรือนเวลาที่สะท้อนได้ถึงสามอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นสุขุม ภูมิฐาน หรือหรูหราอย่างเหนือระดับ ถูกผสมผสานให้อยู่ในนาฬิกาเพียงเรือนเดียวเพียงแค่ปรับเปลี่ยนสายตามไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ ได้แก่ สายหนังสีดำแบบกึ่งด้านที่เหมาะสำหรับหญิงสาวผู้ต้องการความเรียบโก้และน่าเชื่อถือ ต่อมาที่สายหนังสีแดงเคลือบแลคเกอร์ให้แวววาวขึ้น เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่ต้องการนาฬิกาดีไซน์หรูสำหรับใส่ออกงาน และสายผ้าลวดลายซาตินสีเทา ซึ่งเหมาะสำหรับเวิร์คกิ้งวูแมนที่ชื่นชอบความเรียบง่ายและมีไลฟ์สไตล์ที่คล่องตัว โดยสายทั้งสามรูปแบบนี้สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวเรือนทรงกลมสแตนเลสสตีล ซึ่งถูกสร้างสรรค์ให้ลงตัวกับชุดหน้าปัดสีขาวมุก พร้อมลวดลายสวยสะดุดตาบนหน้าปัด อีกทั้งยังเพิ่มการประดับเพชรในตำแหน่งตัวเลข 3, 9 และ 12 ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้นาฬิการุ่นดังกล่าวได้เป็นอย่างดี รวมถึงการติดตั้งกลไกรหัสคาร์ลิเบอร์ 80 ที่มีกำลังสำรองสูงถึง 80 ชั่วโมง จับคู่กับนาฬิกาสำหรับบุรุษอย่าง ‘มัลติฟอร์ท โครโน วัน’ (Multifort Chrono 1) นาฬิกาที่มีรูปลักษณ์อันทันสมัยและกลไกที่ได้รับการยอมรับว่าถูกพัฒนาขึ้นบนความยอดเยี่ยมของนวัตกรรมของโลกแห่งเรือนเวลา ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกเหนือกาลเวลาที่การันตีด้วยชื่อเสียงอันยาวนานผสานเข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย ด้วยตัวเรือนทรงกลมเคลือบ PVD สีดำ เสริมลุคให้ดูเคร่งขรึมและภูมิฐานด้วยลวดลายบนหน้าปัดแบบเจนีวา สไตรป์ (Geneva Stripes) ที่วางตัวในแนวตั้งซึ่งสื่อถึงสายเคเบิลที่รองรับน้ำหนักและการสั่นสะเทือนที่ถูกขึงอยู่บนสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ ตัวเรือนขับเคลื่อนด้วยกลไก Caliber 80 Si ซึ่งเป็นกลไกที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อติดตั้งในเรือนเวลาหรู ผ่านการทดสอบด้วยมาตรฐาน COSC อีกทั้งยังมีการใช้ไขลานที่ผลิตจากซิลิคอน ชิ้นส่วนสำคัญที่จะคงความเที่ยงตรงในการเดินของนาฬิกาได้อย่างยาวนานกว่ากลไกปกติ อีกทั้งยังทนทานต่อสนามแม่เหล็ก
และคู่นาฬิกาจากคอลเลกชั่น ‘บารอนเชลลี่ พริสมา’ (Baroncelli Prisma) เครื่องประดับเรือนเวลาหรูสำหรับสุภาพสตรี ที่สร้างความโดดเด่นด้วยตัวเรือนวงกลมตกแต่งด้วยเปลือกหอยมุกประดับกว่า 25 ชิ้น ซึ่งจัดวางด้วยฝีมือช่าง ที่ออกแบบเป็นทรงรีพร้อมล้อมรอบด้วยเพชรจำนวน 51 เม็ด สร้างเสน่ห์และดึงดูดความสนใจให้เหล่าหญิงสาวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกลไกระบบออโตเมติกรุ่นล่าสุด Caliber 80 ที่สามารถเก็บพลังงานสำรองได้สูงสุดถึง 80 ชั่วโมง จับคู่กับนาฬิกาคอลเลกชั่น ‘คอมมานเดอร์ บิ๊ก เดท’ (Commander Big Date) นาฬิกาออโตเมติกอันสง่างามที่ยังคงงานดีไซน์ตามแบบฉบับของรุ่นคอมมานเดอร์ไม่เสื่อมคลาย ด้วยหน้าปัดขนาดใหญ่ ที่มีจุดบอกเวลาเป็นตัวเลขแบบขีด และมีช่องบอกวันที่ตรงบริเวณเลข 6 ของหน้าปัด ผลิตโดยช่างทำนาฬิกาชั้นสูงที่ผสานกลไกทรงประสิทธิภาพด้วยพลังงานสำรองยาวนานกว่า 80 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับกลไกนาฬิกามาตรฐานทั่วไปที่มีระยะเวลาเพียง 42 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ‘มิโด’ ได้แนะนำเทคนิคการเลือกนาฬิกาเป็นของขวัญ มอบให้คนรักต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มที่ คู่รักสไตล์มินิมอล ที่หลงใหลการแต่งตัวสไตล์ Less is More ควรเลือกของขวัญเป็นนาฬิกาที่สามารถเข้าชุดกับเสื้อผ้าเรียบง่ายได้เป็นอย่างดี อย่างนาฬิกาสายหนังเรียบๆ หรือสายผ้าสีพื้น ที่มีหน้าปัดทรงกลมแบนในเฉดสีล้วน เช่น สีดำ สีขาว ส่วนตัวเรือน หน้าปัดใช้ขีดเป็นจุดบอกเวลาและมีเข็มนาฬิกาขนาดเล็ก ซึ่งจะไม่ทำให้นาฬิกาโดดเด่นกว่าเสื้อผ้า
ถัดมาที่ คู่รักวัยทำงาน สำหรับหนุ่มสาวนักธุรกิจ ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรเลือกนาฬิกาเป็นของขวัญ โดยพิจารณาจากการสวมใส่เข้ากันได้ดีกับชุดสูทหรือชุดเดรส อาจจะเลือกเป็นนาฬิกาสายสแตนเลสตีลแบบต่อข้อ หรือสายหนังโทนสีเรียบอย่างสีดำหรือสีน้ำตาล ส่วนด้านตัวเรือนอาจจะเลือกหน้าปัดที่มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมที่มีช่องบอกวันที่ และควรเลือกตัวเรือนที่มีขนาดพอดีกับข้อมือของคู่รัก
ปิดท้ายที่ คู่รักสายสังคม หนุ่มสาวที่ต้องพบปะผู้คนอยู่ตลอดเวลา ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะเป็นภาพจำแก่คนที่พบเจอ ซึ่งนอกจากเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายที่ดูดีแล้ว เครื่องประดับที่สวมใส่ก็สามารถบ่งบอกถึงรสนิยมได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ฉะนั้นควรเลือกนาฬิกาที่มีดีไซน์โดดเด่น ดึงดูดสายตาเป็นของขวัญให้แก่กัน ผู้หญิงเหมาะกับตัวเรือนที่มีหน้าปัดประดับด้วยไข่มุกหรือเพชรระยิบระยับที่ล้อกับแสงไฟยามกลางคืน สร้างแรงดึงดูดและเป็นจุดสนใจบนข้อมือได้เป็นอย่างดี และสำหรับผู้ชายเหมาะกับตัวเรือนที่มีดีไซน์พิเศษ ช่องวันที่ขนาดใหญ่ดูโดดเด่น เข้าคู่กับสายนาฬิกาแสตนสตีลตัดสลับกับสีโรสโกลด์ก็ช่วยเสริมลุคดูน่าเข้าหาเป็นอย่างมาก
ร่วมเลือกนาฬิกามอบเป็นของขวัญแก่คนรักต้อนรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ ด้วยเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ ‘มิโด’ นาฬิกาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss Made ได้แล้ววันนี้ที่ เคาน์เตอร์ ‘มิโด’ เซ็นทรัล, โรบินสัน และเดอะมอลล์