กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงที่เปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประกายความสวยงามของวัดวาอาราม สีสันสวยสดใสของดอกไม้นานาพรรณ และไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ทำไมเราไม่ลองหยิบความสวยงามเหล่านี้มาเปลี่ยนเป็นการแต่งหน้าดูล่ะ? อาร์ทิสทรี สตูดิโอ ชวนสาวๆ มาทดลองสิ่งใหม่ๆ กับ “แบงค์-ณัฐดนัย บุณยรัตผลิน” เมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังระดับอินเตอร์ ที่จะมาแนะนำเมคอัพ 3 ลุค อินสไปร์จากเรื่องราวของกรุงเทพฯ ด้วยเมคอัพคอลเลกชัน อาร์ทิสทรี สตูดิโอ แบงค็อก เอดิชั่น (ARTISTRY STUDIO BANGKOK EDITION) พร้อมเทคนิคส่วนตัวที่จะช่วยให้สาวไทยสนุกกับการครีเอทลุคสวยได้ในทุกโอกาส
ลุคแรกคือ Glimmering Gold ได้แรงบันดาลใจมาจากแสงสะท้อนหรือ Reflection ที่กระทบไปที่โบสถ์สีทองเป็นประกายระยิบระยับ โดยลุคนี้โดดเด่นด้วย ออน-เดอะ-โก พาเล็ทท์ สีโกลเด้น เรล์ม พาเล็ทท์นี้มีทั้งอายแชโดว์ ไฮไลท์ และบลัชออน ทั้งหมด 6 สีครบครัน และเพื่อให้สาวๆ สนุกกับการแต่งหน้ามากขึ้น เราอยากให้ลืมคำว่ากฎไป โดยสามารถใช้สลับกันได้หมด เช่น นำบลัชออนมาทาตา อายแชโดว์ทาแก้ม ลุคนี้จะใช้สีทองโดยใช้นิ้วค่อยๆ กดลงบริเวณหัวตาเพื่อให้สีติดแน่นยิ่งขึ้น เพราะนิ้วจะช่วยให้สีติดได้ดีกว่าแปรง อีกหนึ่งไฮไลท์ของลุคนี้จะเป็น คาจัล อายไลเนอร์ สีเอเมอรัลด์ การ์เด้น หรือสีเขียว ซึ่งสาวๆ ส่วนใหญ่กลัวการใช้สีโทนนี้แต่งตา แต่จริงๆ แล้วหลักการคือสีเขียวและสีม่วง เป็นสีโทนพาสเทลที่จะช่วยขับดวงตาสีน้ำตาลเข้มของสาวเอเชียให้ดูเด่นชัดขึ้น ทริคสำหรับสาวมือใหม่คือ เริ่มจากใช้อายไลเนอร์สีดำหรือน้ำตาลเขียนขอบตาตามปกติ แล้วลองเขียนอายไลเนอร์สีๆ เหล่านี้ทับลงไป หรือจะเขียนอายไลเนอร์สีๆ อีกเส้นเหนืออายไลเนอร์ปกติก็ได้
ลุคที่สองคือ Vivid Color เป็นเมคอัพสีสันสดใสที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่มวลดอกไม้และผลไม้ต่างๆ สีสันที่ค่อนข้างสด มีความจูซซี่นิดๆ ทริคของลุคนี้คือการแมชท์สีพาสเทลสองสีเข้าด้วยกัน โดยการนำสีชมพูมามิกซ์กับคาจัล อายไลน์เนอร์ สีกิลด์ แอมีธิสต์ หรือสีม่วง ที่มีโทนสีที่สามารถใช้งานง่ายเป็น Day Look ทริคสำหรับสาวหมวยคือ ลองเขียนอายไลน์เนอร์ที่ขอบตาล่างหรือ Underline เพื่อให้เห็นสีเด่นชัดยิ่งขึ้นเหมาะกับดวงตาเรียวเล็กของสาวเอเชีย เพราะบางครั้งถึงแม้เขียนอายไลน์เนอร์ที่ขอบตาบนมากๆ แต่ลืมตาขึ้นมากลับไม่เห็นสีอะไรเลย หรือจะลองเขียนที่ขอบตาบนแล้วค่อยๆ เบลนด์ขึ้นไปเพื่อให้เห็นสีชัดขึ้นก็ไม่ผิดกฎแต่อย่างใด แค่อย่าลืมเขียนขอบตาล่างเพื่อให้ทุกอย่างบาลานซ์กันมากขึ้น
ลุคสุดท้ายคือ Non-Stop Energy โดยหยิบเอาความสนุกของไนท์ไลฟ์กรุงเทพฯ เหมือนเวลาเราไปตลาดนัดกลางคืนแล้วมองมาจากด้านบนเห็นผ้าใบสีต่างๆ แสงไฟจากร้านค้ามาเป็นแรงบันดาลใจ เน้นที่ความโกลว์ของใบหน้า ซึ่งไฮไลท์ของลุคนี้จะอยู่ที่ ชิมเมอริ่ง ครีม อายแชโดว์ สีโกลด์ ครัช ทาเปลือกตา รวมถึงบริเวณโหนกแก้มและสันจมูก และถ้าไม่อยากพกเครื่องสำอางเยอะก็สามารถเอามาใช้ทาตัวได้อีกด้วย เพิ่มสีสันให้กับลุคนี้ด้วย เฟซ & บอดี้ ชิมเมอร์ เจล สำหรับทาตัวอีกด้วย ซึ่งสีจะออกโรสโกลด์ประกายทอง ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่สำหรับการใช้ชิมเมอร์เจลทาตัวคือชิมเมอร์มักจะติดที่มือมากกว่าที่ตัว มีเทคนิคคือทานิ้วแล้วแตะๆ ตามตัว ห้ามนวด หรือจะใช้แปรงลงก็ได้ และจะเห็นได้ว่าลุคนี้ก็ใช้คาจัล อายไลเนอร์ สีกิลด์ แอมีธิสต์ เหมือนกัน ซึ่งการใช้สีพาสเทลเป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการดึงดูดความสนใจจากความหมองคล้ำใต้ตาให้มาอยู่ที่ความสดใสของอายไลเนอร์รวมถึง ชิมเมอริ่ง ครีม อายแชโดว์ สีซิลเวอร์ ไวโอเล็ท แทน
นอกจากนี้ คุณแบงค์ยังแนะนำสิ่งที่สาวๆ พลาดไม่ได้เลยคือการใช้ ทู-อิน-วัน แมท ลิป เครยอง ที่รวมเอาข้อดีของลิปสติกที่ให้สีชัดและความชุ่มชื้น กับความเป็นแว็กซ์ที่ทำให้ติดทนไม่เลอะของลิปเพนซิล ถือเป็นลิปที่ใช้ On-The-Go ได้เลย ไม่ต้องทาลิป 2 ขั้นตอนให้ยุ่งยาก ที่พิเศษคือเฉดสีสวยงามมาจากดอกไม้ และแนะนำว่าสาวๆ ไม่ควรทาลิปสติกเพียงสีเดียว ให้ลองนำ 3 สีมามิกซ์กันดูว่าจะได้สีออกมาสวยขนาดไหน
แรงบันดาลใจมีอยู่รอบตัวเรา แม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันที่เราเห็นอยู่ทุกวันก็มีความสวยงามในตัวเอง และนำมาเปลี่ยนเป็นความสนุกในการแต่งหน้าได้ ร่วมส่งต่อแรงบันดาลใจและเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์แห่งสีสันของอาร์ทิสทรี สตูดิโอ แบงค็อก เอดิชั่น ต่อได้ที่ www.facebook.com/artistrythailand และอินสตาแกรม @ArtistryThailandOfficial