ยิ่งกว่าดรามาเกาหลี ก็ดรามาอาณาจักรซัมซุง ‘แชโบล’ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ และอันดับที่ 12 ของโลก ที่หลังการจากไปของอดีตประธาน ลีคุนฮี เมื่อปีก่อน ก็ยังหาตัวแทนมาดูภาพรวมยังไม่ได้
จริงๆ แล้ว ตำแหน่งนี้ควรตกเป็นของทายาทอันดับ 1 อย่าง ลีแจยอง ลูกชายคนเดียวของตระกูลแบบใสๆ แต่เขากลับต้องคดีทุจริต ติดสินบนรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี พัคกึนฮเย จนต้องโทษติดคุกกันไปทั้ง 2 ฝ่าย
เข็มทิศทายาทจึงเบนมายัง ลีบูจิน บุตรสาวคนโต ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการบริหารธุรกิจโรงแรมชีลลา หนึ่งในอีกหลายธุรกิจของซัมซุงกรุ๊ป
ขณะที่พี่ชายคนเดียวต้องอยู่ในคุก แม้ ลีบูจิน จะเพิ่งผ่านการฟ้องหย่าสุดดรามามาหมาดๆ และต้องแบ่งทรัพย์สินให้สามีไปถึง 8,000 กว่าล้านวอน แต่เธอยังเป็นสตรีที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลมากที่สุดในเกาหลีใต้ และอยู่ในอันดับต้นๆ ของมหาเศรษฐีแห่งเอเชีย-แปซิฟิก
เดิมที เธอมีนามว่า ลียูจิน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกของคนดังๆ ในเกาหลีใต้ ที่จะเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เรียกง่ายขึ้น หรือได้ความหมายที่เป็นมงคล ซึ่งทายาทซัมซุงได้เปลี่ยนมาใช้ ลีบูจิน ตั้งแต่ 3 ขวบ เนื่องจากตอนนั้นเธอป่วยออดๆ แอดๆ พ่อแม่เลยเปลี่ยนชื่อของเธอเพื่อแก้เคล็ด
การออกเสียงคำว่า ‘บู’ ฟังดูแล้วแข็งแร็งกว่า ‘ยู’ และ ตัวอักษร ‘บู’ ในภาษาเกาหลียังหมายถึงความร่ำรวย
สำหรับไฮโซเกาหลีใต้ การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ถือเป็นการบ่งบอกฐานะของวงศ์ตระกูล — ลีแจยอง ลูกชายคนเดียว เลือกไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเคโอ ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ส่วน ลีซอฮยอน น้องสาวของเธอ คว้าปริญญาตรีทางด้านการออกแบบแฟชัน ที่โรงเรียนศิลปะการออกแบบพาร์สันส์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ทว่า ลีบูจิน แตกต่างจากพี่น้องของเธอ เธอเลือกเรียนเอกภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนภาษาต่างประเทศแดวอน ต่อด้วยปริญญาตรีคณะมนุษยศาสตร์ เอกจิตวิทยาเด็ก นอกจากนี้ เธอยังเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย
การสมรสกับอดีตสามี ลิมวูแจ ในปี 1999 ก็แตกต่างจากพี่น้องอีกเรื่อง พี่ชายและน้องสาวของเธอล้วนสมรสกับบรรดาลูกไฮโซด้วยกัน ส่วน ลีบูจิน กลับขอพ่อแต่งงานกับพนักงานในบริษัท — เรื่องราวความรักของทั้งคู่ แทบไม่ต่างจากที่เราเห็นในซีรีส์เกาหลีเลย
ลิมวูแจ เริ่มทำงานในซัมซุง ซี แอนด์ ที คอร์ปอเรชัน ในปี 1995 ไม่รู้ว่า ทั้งสองเริ่มปิ๊งกันเมื่อไหร่ หลังจากเจอกันในกิจกรรมการกุศลของบริษัท
ตอนที่มีข่าวหลุดออกมาว่า ทั้งสองจะแต่งงานกันนั้น ซีอีโอซัมซุง ลีคุนฮี และฮองเรฮี พ่อแม่ของบูจิน ไม่เคยระแคะคะคายเรื่องนี้มาก่อนเลย ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่ไม่เห็นด้วย แต่ ลีบูจิน ก็ต่อสู้จนได้แต่งงานในที่สุด
ระหว่างที่การฟ้องหย่าสุดดรามาดำเนินไป หนังสือพิมพ์ฮันเคียวเรห์ รายงานว่า ลิมวูแจ นั้นเป็นแค่บอดีการ์ดของครอบครัวลี และบูจิน มาชื่นชอบเขาเอง ตัวเขาไม่เคยหวังสูงถึงขั้นจะแต่งงานกับ ‘นายหญิง’ เธอเป็นคนที่ต้องการจะแต่ง และท่านประธานก็เป็นคน ‘สั่ง’ ให้เขาแต่งงาน
ในที่สุด นายหญิงทายาทซัมซุงก็ได้กลับมาโสดสมใจ นอกจากรวยที่สุดแล้ว ยังได้ชื่อว่าเเป็นแฟชันไอคอนที่สวยที่สุดคนหนึ่ง ชาวเน็ตเกาหลีใต้บรรยายว่า ลีบูจิน แต่งตัวสวยคลาสสิก ดูมีสง่าราศีราวกับราชวงศ์ หนังสือพิมพ์โชซอน จัดอันดับของเธอให้อยู่ในท็อป 5 ของแฟชันนิสตาชาวเกาหลีใต้
ลีบูจิน ยังขึ้นชื่อเรื่องความใจบุญ หนังสือพิมพ์จุงอัง อิลโบรายงานว่า เธอเปิดห้องพักให้ผู้ประสบอัคคีภัยในอุลซาน เมื่อเดือนตุลาคม 2020 เข้าพักฟรีระหว่างหาที่อยู่ใหม่
ในปี 2014 มีแท็กซี่พุ่งเข้ามาชนประตูโรงแรมชีลลา ทำให้เกิดการบาดเจ็บและข้าวของเสียหาย แท็กซี่จะต้องจ่ายเงินชดใช้เป็นจำนวนถึง 40 ล้านวอน แทนที่ซีอีโอของโรงแรมชีลลาจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่มาทำใหธุรกิจเสียหาย เธอกลับเป็นห่วงว่าแท็กซี่จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย และบอกให้รองประธานบริษัทไปเยี่ยมเขาถึงบ้าน
ปรากฏว่า เขาอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ แถมมีภรรยาที่ป่วยติดเตียงด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก
หลังจากที่รู้ความจริง ลีบูจิน ก็ตัดสินใจยกหนี้ให้ แถมยังส่งของขวัญไปเป็นกำกลังใจให้แท็กซี่รายนั้นอีกต่างหาก — เรื่องเล่านี้จะเป็นข่าวพีอาร์หรือไม่ก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่จากผลสำรวจของหนังสือพิมพ์ฮันเคียวเรห์ ก็สรุปออกมาว่า เธอคือซีอีโอต้นแบบอันดับ 1 ของเกาหลีใค้ในขณะนั้นเลย