ได้ชื่อว่าเป็น ราชาแห่งสี เพราะเป็นคนปลุกปั้นสีทาบ้านยี่ห้อ นิปปอนเพนต์ ในสิงคโปร์และเอเชีย ตอนนี้ โก๊ะเฉิงเลี่ยง กระโดดขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของสิงคโปร์ แซงหน้า วีโชวเหยา เจ้าของแบงก์ยูโอบีไปแล้ว ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 8.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โก๊ะเฉิงเลี่ยง ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่ฐานะทางบ้านยากจน เขาใช้ชีวิตวัยเด็กในบ้านเช่าเล็กๆ ราคาเดือนละ 3 ดอลลาร์บนถนนริเวอร์ วัลลีย์ กับสมาชิก 7 คนในบ้าน
ขณะที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พ่อแม่ส่งเขาไปที่หมู่บ้านมูอาร์ ในมาเลเซีย ให้ไปช่วยพี่เขยขายแหจับปลา ก่อนจะได้กลับมาสิงคโปร์ในปี 1943
โก๊ะเฉิงเลี่ยง เริ่มทำมาหากินด้วยการขายน้ำอัดลม แต่ไปไม่รอด จนไปได้งานที่ร้านขายอุปกรณ์การก่อสร้าง ในปี 1949 กองทัพอังกฤษเปิดเลหลังของเหลือใช้จากสงคราม เขาซื้อสีเน่าๆ มาผสมใหม่ให้มีสีสันที่หลากหลาย โดยอาศัยตำราเคมีจากจีน และเปิดตัวแบรนด์สีของตัวเอง ‘พีเจี้ยน’
ปีถัดมา สงครามคาบสมุทรเกาหลีเริ่มต้นขึ้น ทำให้การนำเข้าสีจากต่างประเทศมีข้อจำกัด แบรนด์ พีเจี้ยน ของโก๊ะเฉิงเลี่ยง จึงประสบความสำเร็จอย่างสูง
ขายสีของตัวเองจนคร่ำหวอดอยู่หลายปี เขาก็เสนอตัวเป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของนิปปอนเพนต์ ผนึกกำลังกับส่วนแบ่งตลาดสีที่ผลิตเองที่มีอยู่เป็นทุนเดิม จนกลายเป็นเจ้าของตลาดสีส่วนใหญ่ของสิงคโปร์ และเอเชีย
โก๊ะเฉิงเลี่ยง ยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอาคาร เลี่ยงคอร์ท ที่ภายหลังขายให้กับพีเดมโค แลนด์ โดยบริษัทวูเตอลัม กรุ๊ป ที่ตอนนี้บริหารโดยลูกชายคนโต โก๊ะฮัปจิน ได้เข้ามาซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของนิปปอนเพนต์ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวูเตอลัม กรุ๊ป
ในปี 1991 นายใหญ่โก๊ะ ยังได้ก่อตั้ง เยนอม โฮลดิงส์ แยกออกมาจากวูเตอลัม โฮลดิงส์ โดยย้ายพนักงานที่อยู่กับเขามากว่า 30 ปีขึ้นไปมาไว้ในองค์กรนี้ แล้วทำธุรกิจที่แตกไลน์ออกไป ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ห้องอาหาร และรีสอร์ต ฯลฯ
โก๊ะเฉิงเลี่ยง หลงใหลในเรือยาชต์และเรือใบ พอตั้งตัวเป็นมหาเศรษฐีได้เขาก็เริ่มสะสม หนึ่งในนั้นคือ ไวต์แรบบิท ซูเปอร์ยาชต์ขนาด 3 ชั้นสุดอลังการงานสร้างจากบริษัทเอคโค่
ไวต์แรบบิท ซูเปอร์ยาชต์ ขณะนี้ได้ชื่อว่าเป็นเรือยาชต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ออกแบบโดย แซม ซอร์โจวานนี่ ร่วมกับบริษัทวันทูตรี บริษัทนาวาสถาปนิกโดยเฉพาะ
บนไวต์แรบบิท มีห้องนอนรองรับถึง 12 ห้อง พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ต่างจากเรือสำราญหรือโรงแรมขนาดย่อยที่ลอยน้ำได้
นอกจากทุ่มเทเงินให้แพสชั่นของตัวเองอย่างไม่อั้นแล้ว โก๊ะเฉิงเลี่ยง ยังบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อการกุศล โดยได้ก่อตั้งมูลนิธิโก๊ะมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
มูลนิธิฯ ของเขามีส่วนในการสนับสนุนงานวิจัยทางการแพทย์ต่างๆ อย่างในปี 2014 เขาได้บริจาคเงิน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนงานวิจัยของศูนย์มะเร็งแห่งชาติสิงคโปร์ สาเหตุมาจากการที่ มาซามิชิ โอกะ คู่ค้าทางธุรกิจชาวญี่ปุ่นของเขา ที่ทำงานร่วมกันมานานจนกลายเป็นเพื่อนไปแล้ว เกิดป่วยเป็นมะเร็งตับ พอโก๊ะเฉิงเลี่ยงรู้เข้า ก็ยกเพนต์เฮาส์ที่ถนนริเวอร์ วัลลีย์ของเขาให้อยู่ แถมออกค่าใช้จ่ายในการส่งไปรักษากับหมอที่ดีที่สุดในอเมริกาอีกต่างหาก
นายใหญ่โก๊ะ รักเพื่อนชาวญี่ปุ่นคนนี้ของเขามาก ระหว่างการพักฟื้น เขาพามาซามิชิขึ้นไวต์แรบบิท ล่องไปท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ พร้อมพยาบาลสาวสวยคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง