กลายเป็นลุคประจำตัวไปแล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็น “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ แห่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะต้องมาพร้อมกับชุดผ้าไทยดีไซน์อินเทรนด์ ชนิดว่าสามารถเดินโชว์บนรันเวย์ได้อย่างสบายๆ ซึ่งถือเป็นการนำผ้าไทยมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันอย่างสวยงามสมมงท่านรองฯ แห่ง ททท.
ถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบกว่าระยะหลังๆ ผ้าไทยของเรากระแสแรงเหลือเกิน เห็นได้จากอินฟลูเอนเซอร์หลายๆ คน เริ่มหันมาใส่ผ้าไทยอย่างจริงจัง ทำให้ผ้าไทยกลายเป็นแฟชั่นที่มีความทันสมัยขึ้นมา มากด้วยไอเดียของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และสำหรับ “กลาง-ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องเดินทางไปแทบทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อสำรวจและค้นหาจุดเด่นของแต่ละชุมชน เพื่อสร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ทำให้ได้พบเจอว่าหลายๆ หมู่บ้านมีของดีซ่อนอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือ “ผ้าไหมไทย” ที่มีความงามและอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยเธอได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการที่มาหลงเสน่ห์ผ้าไทยเมื่อ 6 ปีก่อนว่า
“เริ่มใส่เสื้อผ้าสไตล์นี้มาตั้งแต่ 6-7 ปีที่แล้ว ช่วงที่ทำแคมเปญไทยเท่ คาบเกี่ยวการเปิดตัวโครงการ Discovery Thai และมีอยู่ช่วงที่แต่งชุดไทยจัดๆ เลยก็คือ ช่วงที่ละครบุพเพสันนิวาสดัง แต่สไตล์ที่เราใส่จะเป็นมิกซ์แอนด์แมตช์ ใส่ให้ดูเท่ โดยเป็นสไตล์ที่ใส่ได้ทั้งเป็นชุดทำงานและชุดเที่ยวในชุดเดียวกัน
นอจากนี้ เราเคยทำแคมเปญการเล่าเรื่องเส้นทางท่องเที่ยวด้วยผ้าไทย เป็นเส้นทางผ้า 5 เส้นทาง ซึ่งมีความน่าสนใจมาก หนึ่งในสิ่งที่เรานำเสนอก็คือ เรื่องราวต่างๆ ของผ้าไทย ผ้าทุกชิ้นมีเรื่องราว ซึ่งพาไปถึงแหล่งท่องเที่ยวได้”
จากการทำงานนั่นเองทำให้เธอเริ่มสะสมผ้าไทยมาเรื่อยๆ แบบไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีก็มีอยู่เต็มตู้ไปหมด! จนเกิดความคิดว่า เก็บไว้เฉยๆ ก็เสียดายน่าจะลองนำมาดีไซน์ ตัดเย็บ ให้เป็นสไตล์ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
“เราได้ไปตามชุมชนต่างๆ ซึ่งแต่ละชุมชนสิ่งหนึ่งที่เด่นๆ ก็คือ ผ้าแต่ภูมิภาค และแต่ละพื้นที่เองก็มีเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาขับเคลื่อนในการที่ดีไซน์รูปแบบที่พิเศษขึ้น ในขณะที่ อัตลักษณ์เดิมยังอยู่ ก็ซื้อเก็บมาเรื่อยๆ จะเก็บไว้อย่างเดียวก็เสียดาย ก็เลยเอามาดีไซน์ให้เป็นสไตล์แคชชวลให้ใส่สบายๆ บ้าง ลักชัวรีบ้าง เอามาใส่ทำงานไม่เหมือนใครด้วย ดูแบบมาจากหนังสือแฟชั่น ดีไซเนอร์ และปรับให้เข้ากับสไตล์และรูปร่างของเรา
ส่วนใหญ่ที่ตัดมาจะเป็นสไตล์ทำงาน อย่าง กระโปรงทรงดินสอ ชุดเดรสเน้นดีเทล อาจจะทำเป็นชุดไปงานกลางคืนด้วยก็ได้ พักหลังๆ มาชอบเรื่องของผ้าอัตลักษณ์ประจำถิ่น อย่าง ผ้าม้ง ผ้าปักลายต่างๆ หรืออย่างลาย “ขอเจ้าฟ้าฯ” ชอบมากเป็นการส่วนตัว เป็นลายที่ใส่สบายๆ มาเล่นดีไซน์กับแต่ละท้องถิ่นได้
แต่เวลาเราใส่ผ้าไทย ก็จะเอาแฟชั่นอื่นๆ มามิกซ์ด้วย สมการของเราคือ ถ้าท่อนล่างเราเป็นผ้าไทยอาจจะมิกซ์กับเสื้อแฟชั่น หรือถ้าท่อนบนเรียบร้อยแบบผ้าไทยแล้ว กางเกงก็อาจจะเป็นกางเกงยีนส์สบายๆ แฟชั่นถูกทำให้ดูเรียบร้อยขึ้นด้วยผ้าไทย”
จะว่าไปแล้วเสน่ห์ของผ้าไทยนั้นมีมากมายหลายเลยทีเดียว ทั้งเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา ทั้งมีความสวยงามเฉพาะตัว ยิ่งถูกนำมาปรับให้เข้ากับยุคสมัย ใส่ไปต่างประเทศรับรองถูกชมในความงามแน่ๆ
“ผ้าไทยมีเสน่ห์ในตัวอยู่แล้ว การทักถอแต่ละผืนไม่ใช่ง่ายๆ แต่ละภาคก็มีอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าขิด ผ้าย้อมคราม ผ้าไหมแพรวา ทุกชิ้นมาจากความพิถีพิถัน เป็นเสน่ห์ที่เราหาได้จากทุกภาค ทัศนคติที่คนมีต่อเสื้อผ้าไทย อาจจะรู้สึกว่าแก่ แต่จริงๆ แล้วไม่นะ ถ้าเรารู้จักปรับให้ตรงกับบุคลิกของเราและดีไซน์ให้ดูทันสมัย ก็สามารถใส่แล้วมีความมั่นใจได้ แรกๆ อาจจะเก้งๆ กังๆ กับความรู้สึกแต่พอใส่ไปแล้วจะติดใจค่ะ”
ส่วนเรื่องของแหล่งชอปปิ้งผ้าไทยในยุคโควิดเช่นนี้ ท่านรองฯ บอกว่านั่งอยู่บ้านก็เสียเงินได้ เพราะทุกวันนี้เหล่าคุณป้า คุณยาย ช่างทอผ้าในท้องถิ่นต่างๆ ก็ปรับตัวเข้ากับยุคสมัย รู้จักที่จะไลฟ์สดขายผ้าไหมออนไลน์กันแล้ว!
“แหล่งชอปปิ้งขึ้นชื่อจะซ่อนตัวอยู่ตามแต่ละจังหวัด เช่นที่ขอนแก่นก็มีผ้ามัดหมี่สายลายสวย ที่กาฬสินธิ์ก็มีผ้าแพรวาขึ้นชื่อ และตอนนี้การชอปปิ้งผ้าไทยยิ่งง่ายขึ้น เพราะมีขายในเฟสบุ๊กด้วย ชอบดูตามไลฟ์สดของแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งเฟสบุ๊กรู้ว่าเราสนใจอะไร อยู่ๆ ก็ขึ้นไลฟ์มาให้เห็นว่าคุณป้าที่สุรินทร์กำลังไลฟ์สดขายผ้า ขายด้วยความเป็นกันเอง คุยกันง่ายๆ เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง เราก็เอฟตามไลฟ์นี่แหละค่ะ (หัวเราะ)”
นับเป็นเรื่องดีๆ ที่กระแสผ้าไทยกำลังบูมขึ้นอย่างมากในเมืองไทยเอง ซึ่งงานนี้ท่านรองฯ บอกว่า ต้องขอบคุณทุกกระทรวงที่มีส่วนร่วมในการผลักดันให้ผ้าไทยมีการพัฒนา ต่อยอดและนำไปสู่การรับรู้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีส่วนในการผลักดันทำให้ผ้าไทยมีความแข็งแรงมากๆ และยังกล่าวเชิญชวนให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจในผ้าไทยมากขึ้นด้วย
“อยากเชิญชวนเลยนะคะ ว่าผ้าไทยใส่ให้เท่ ใส่ด้วยความมั่นใจอย่างไรก็เท่แน่นอน สิ่งที่เราได้นอกจากความภาคภูมิใจจากผ้า ที่เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ตั้งใจถักทอมาแล้ว เอกลักษณ์นี้เองจะเป็นพลังให้ประเทศไทยมีความโดดเด่น วิธีที่จะทำให้สิ่งนี้อยู่ได้อย่างยั่งยืนก็คือ เราต้องใช้จริงและอยู่กับสิ่งนั้นแบบเท่ๆ ขอให้มั่นใจว่าการที่เราเอาผ้าไทยมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมต่อไปค่ะ” กลางกล่าวทิ้งท้าย