โรงเรียนที่ว่าคือ Institut Le Rosey เป็นโรงเรียนประจำ ตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ นิตยสาร Business Insider รายงานว่า ค่าเทอมสูงถึง 108,900 ฟรังก์สวิส หรือราวๆ 3.9 ล้านบาทต่อปี ในจำนวนนั้นรวมค่าเล่าเรียน ที่พัก อาหาร คอร์สกีฬา และเงินค่าขนม ซึ่งเงินค่าขนมจะมากน้อยเท่าไหร่นั้น ฝ่ายปกครองจะคอยดูแลให้และขึ้นอยู่กับวัยของนักเรียน
ทุกวันนี้ Le Rosey มีนักเรียนชาย-หญิงอยู่ราว 420 คน เป็นนักเรียนจาก 60 ประเทศ โรงเรียนเริ่มปีการศึกษาในเดือนกันยายน และมีวันหยุดช่วงสั้นๆ ในเดือนตุลาคมและธันวาคม หลังเทศกาลคริสต์มาสจะย้ายนักเรียนไปยังแคมปัส ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เล่นสกีของเมืองเกสตาด นักเรียนสามารถเรียนและเล่นสกีได้มากถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากปิดเทอมในเดือนมีนาคม นักเรียนจะกลับไปเรียนต่อที่แคมปัสหลักในเมืองโรลล์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบเจนีวา และปลายเดือนมิถุนายนก็เข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน แม้จะเป็นโรงเรียนที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็มีนักเรียนสมัครเข้าเรียนมากกว่าสี่เท่าของจำนวนที่รับได้
หลักสูตรการสอนของ Le Rosey เน้นที่ภาษา นักเรียนต้องเลือกเรียนสองภาษาจากสี่ภาษาในโปรแกรม ภาษาบังคับคืออังกฤษและฝรั่งเศส ห้องเรียนแต่ละห้องจะมีนักเรียนไม่เกิน 10 คน และมีกฎระเบียบให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามนักเรียนพูดขณะมือล้วงกระเป๋า ถ้ากำลังสนทนาอยู่กับผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่นักเรียนต้องลุกยืนด้วย นักเรียนต้องแต่งกายอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำ แต่ละคนจะได้ที่นั่งที่ตายตัว แต่ละคนจะมีเวรหน้าที่รับใช้ การลุกจากที่นั่งแต่ละครั้งจะต้องได้รับอนุญาตจากอาจารย์หรือผู้ดูแล ในเว็บไซต์ของ Le Rosey ยังอธิบายถึงกิจวัตรประจำวันทั่วไปที่โรงเรียนด้วยว่า นักเรียนต้องพร้อมสำหรับการเรียนและกิจกรรมตั้งแต่ 07.00-21.00 น. หรือ 23.00 น. วันหยุดสุดสัปดาห์ทางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านได้ เฉพาะคนที่มีผลการเรียนไม่ต่ำกว่า 4.75 เท่านั้น (ในสวิตเซอร์แลนด์เกรดสูงสุดคือ 6 และต่ำสุดคือ 1)
ในเว็บไซต์ของ Le Rosey ยังเคลมด้วยว่า นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากที่นี่กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ สามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ในจำนวนนั้นมี Ivy-League, MIT และ Oxbridge ส่วนศิษย์เก่าของโรงเรียนประจำแห่งนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ชาห์แห่งอิหร่าน, เจ้าชายเรนีเยร์แห่งโมนาโก, กษัตริย์ฮวน คาร์ลอสที่ 1 แห่งสเปน, เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุคแห่งเคนต์, จอห์น คาซาบลังกา (ผู้ก่อตั้ง Elite Model Management), ทายาทตระกูลคาสเตลลินี บัลดิสเซรา (เจ้าของกิจการสิ่งทอและธนาคารในอิตาลี), เปีย เก็ตตีและลูกสาว-อิซาเบล, ฌอน ทาโร โอโนะ เลนนอน, ทายาทตระกูลร็อธไชลด์, เทรซี เอลลิส รอสส์ (ลูกสาวของไดอานา รอสส์) และลูกๆ ของเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ กับไมเคิล ไวลดิง ฯลฯ
คราวนี้มาดูมหาวิทยาลัยอีลิทกันบ้าง อันดับแรกได้แก่ Harvard ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยของชนชั้นนำของอเมริกาที่มีชื่อเสียงที่สุด และเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงที่สุดติดอันดับท็อป 10 ได้แก่ บารัก โอบามา, จอห์น เอฟ. เคนเนดี, มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก, นาตาลี พอร์ตแมน, แมตต์ เดมอน, จอห์น อดัมส์, นีล เดอกราสส์ ไทสัน, โคแนน โอ’เบรียน, ทอมมี ลี โจนส์ และปิแอร์ ทรูโด
อันดับสองคือ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย หรือชื่อสั้นๆ ว่า Penn ที่เมื่อปี 2018 มีนักเรียนผ่านเข้าเรียนระดับปริญญาตรีถึง 3,600 คน รายชื่อศิษย์เก่าที่เป็นคนเด่นคนดังของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้แก่ เรย์มอนด์ เดวิส จูเนียร์, หลุยส์ คาห์น, ฟิลิป โรธ, จอห์น ลีเจนด์, โทรี เบิร์ช, อีลอน มัสก์, เอลิซาเบธ แบงก์ส ฯลฯ
อันดับสาม Columbia University ในนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถาบันที่มีศิษย์เก่าได้รับรางวัลโนเบลสูงสุดถึง 72 คน ศิษย์เก่าที่เป็นคนดังในสังคมโลก ได้แก่ บารัก โอบามา, วอร์เรน บัฟเฟตต์, อาร์ต การ์ฟังเคิล, อัลเลน กินสเบิร์ก, เจค กิลเลนฮาล, อแมนดา พีต, อลิเซีย คีย์ส, อเมเลีย เอียร์ฮาร์ต, ซารา อาลี ข่าน, เคซีย์ แอฟเฟล็ก, ไอแซก อาซิมอฟ, ทิโมเธ ชาลาเมต์ ฯลฯ