เรียกว่าเป็นข่าวช๊อกก็ว่าได้ สำหรับการออกมาเปิดเผยถึงวิกฤตสุขภาพของของทายาทตระกูลดัง “ป๊อก – ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” นักร้องหนุ่มสามีของดาราสาว มาร์กี้ – ราศี ที่ได้เผยแพร่คลิปเรื่องราวการป่วยของเขาจากอาการเนื้องอกในสมองผ่านทางรายการ ป๊อกกี้ on the run ในช่องยูทูป
โดยเล่าย้อนหลังถึงการมีอาการปวดหัวต่อเนื่องมายาวนาน แถมด้วยอาการหูอื้อ ปวดท้ายทอย และได้ปรึกษาแพทย์หลายรอบก็ยังไม่ทราบสาเหตุ จนกระทั่งคุณหมอแนะนำให้ทำ MRI จึงสแกนตรวจเจอเนื้องอกในสมองขนาดเท่าลูกปิงปอง ที่ต้องได้รับการผ่าตัดเอาออกอย่างเร่งด่วนไปเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมแชร์ประสบการณ์บทเรียนชีวิตก่อนเข้าห้องผ่าตัด ทั้งความกังวลใจ กลัวไม่ได้กลับมาเห็นหน้าลูก และภรรยา และมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป แต่ถือเป็นโชคดีของนักร้องหนุ่ม ที่การผ่าตัดลุล่วงไปได้ด้วยดี และผลการตรวจชิ้นเนื้อออกมาไม่มีอะไรน่ากังวล ทั้งทีจากอาการมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสมอง
การป่วยอย่างกะทันหันของป๊อกในครั้งนี้ แม้จะเป็นข่าวน่าตกใจ แต่โรคเนื้องอกในสมอง นับเป็นข่าวที่เคยสร้างความฮือฮาในแวดวงเซเลบริตี้มาแล้ว เมื่อคราว “เอ – ดวงพร บุญยะจินดา” สาวสังคมคนดังที่เคยเผชิญหน้ากับโรคอันตรายนี้เช่นกันเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์กับ Celeb Online ถึงเรื่องนี้ว่า
“ตอนนั้นเอประสบอุบัติเหตุ ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าล้มอย่างไร ตอนแรกก็ไม่เป็นอะไรเลย แต่พอหลังจากนั้นสักพักรู้สึกว่าเจ็บๆ บริเวณชายโครง ไม่ค่อยสบายใจ ก็เลยตัดสินใจว่าไปหาหมอดีกว่า ให้เขาตรวจดูสักหน่อย ทางคุณหมอก็เลยสั่งให้ทำ MRI (การตรวจสแกนด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) เผื่อดูว่าเป็นอะไรไหม ผลออกมาคือ ซี่โครงปกติดี ไม่เป็นอะไรเลย แต่กลับมีข่าวที่ทำให้เราช็อกคือ คุณหมอตรวจพบเนื้องอกในสมอง สแกนเจอก้อนดำๆ ขนาดประมาณลูกเทนนิส ตรงศีรษะแถวบริเวณด้านขวาของหน้าผาก”
“ตอนนั้นก็ตกใจ แล้วก็งง ไม่อยากเชื่อว่าเราจะเป็นเนื้องอก เพราะไม่มีอาการอะไรเลย ปกติดีทุกอย่าง ซึ่งมารู้ทีหลังว่าที่จริงแล้วเรามีอาการแต่เราไม่รู้ตัว เพราะแต่ละคนอาการไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าต้องปวดหัว ตาพร่า เหมือนที่มักจะได้ยินกัน แต่ของเอเป็นเรื่องอารมณ์ คือ ตรงที่เป็น มันไปกระทบกับเส้นที่ส่งผลต่ออารมณ์ คือ คิดเล็กคิดน้อย แล้วก็เจ้าน้ำตา อย่างนั่งดูหนังแล้วก็ร้องไห้ เศร้ามาก อินมาก ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลย แต่เราก็ไม่คิดว่ามันผิดปกติอะไร ก็คิดว่าคนเราก็อารมณ์อ่อนไหวกันได้ เป็นเรื่องธรรมดา…
ต้องบอกว่า โชคดีมากที่เราไปตรวจเจอโดยบังเอิญจากการทำ MRI ครั้งนั้น เพราะถ้าปล่อยไว้ แล้วกว่าจะตรวจเจอ ตอนที่โตกว่านี้ หรือรอให้มีอาการจนเราเอะใจ ตัวเนื้องอกที่โตขึ้นมันอาจจะไปเบียดกับเส้น ส่งผลให้เราชัก เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมีอาการที่ร้ายแรงต่อชีวิตได้”
เพราะเหตุนี้ คุณหมอจึงแนะนำให้เธอรีบทำการผ่าตัดทันที ก่อนที่เนื้องอกจะทำให้เกิดผลเสียอื่นๆ ต่อร่างกาย “ตอนนั้นทุกอย่างรวดเร็วมาก ไม่มีเวลาเครียดเลย เพราะพอรู้ว่าเป็นเราก็อยากรีบรักษาให้หาย ตอนนั้นไม่กลัวการผ่าตัดเพราะมั่นใจฝีมือคุณหมอ แต่กลัวเสียโฉม เพราะเอเป็นตรงหน้าผากด้านหน้า มันเห็นชัด แล้วก็ใกล้กับดวงตาด้วย ซึ่งพอผ่าเสร็จออกมา ต้องขอบคุณคุณหมอมาก ที่ทำได้เนี้ยบสุด ไม่เห็นแผลเป็นด้วยซ้ำ ถ้าไม่บอกนี่คือดูไม่ออก ซึ่งที่จริงแล้วที่ผ่าออกไปนี่เนื้อบุบหายเลยนะ เพราะก้อนมันใหญ่อยู่ แต่ทางคุณหมอเขาใช้วัสดุทดแทนมาใส่เสริมให้ โบกให้เรียบเนียนเหมือนเดิม คือ นอกจากผ่าตัดรักษาให้แล้วยังเสริมสวยให้ด้วยเลย”
หลังการผ่าตัด เธอใช้เวลาเพียงไม่นานก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ “ต้องถือว่าเอโชคดีมาก เพราะพักแอดมิทอยู่โรงพยาบาลเพียงเดือนเดียว หลังจากนั้นไปพักฟื้นต่อที่บ้าน พยายามพักผ่อนให้เต็มที่ พักสมอง ประมาณ 2 – 3 เดือน ก็หายสนิท กลับมาเป็นเหมือนปกติทุกอย่าง ในตอนแรกก็แอบกลัวเหมือนกันว่า การผ่าตัดใหญ่อย่างผ่าตัดสมอง มันจะส่งผลอย่างไรบ้าง จะกลับมาทำงานได้ไหม เราจะจำคนรอบข้างได้หรือเปล่า กลัวตื่นมาแล้วจำใครไม่ได้เลย แต่ก็โชคดีที่ไม่เกิดอะไรแบบนั้น อย่างคอร์สในการรักษาตัวหลังผ่าเสร็จ มันมีเรื่องกายภาพด้วย เราก็งงว่ามีทำไม เพราะด้วยความที่เราไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ที่บ้านก็ไม่เคยมีใครเป็น ไม่รู้เรื่องการผ่าตัดสมองเลย หลังผ่าแล้ว เราก็ทำตัวปกติ ก็ลุกขึ้นเดินเหินได้ปกติ เลยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำกายภาพ ก็มารู้ที่หลังว่า หลายคนที่ผ่าแล้วกลับมาเดินไม่ได้ก็มี หรือเดินเป๋ เสียบาลานซ์ ทำให้ต้องฝึกเดิน ในเคสของเอนี่คือถือว่าดีมาก ที่ไม่ได้เป็นอะไรเลย
อย่างช่วงหลังผ่า ตามขั้นตอนคือเราต้องกินยากันชักอยู่เกือบ 3 เดือนได้ เพราะในการรักษา ยาที่ใช้มันแรงเพราะการผ่าเกี่ยวกับสมอง กลัวว่าการทำงานของสมองจะผิดปกติ อาจจะหลั่งสารอะไรมากเกินไป อาจทำให้เกิดการชัก หรืออาจจะส่งผลต่างๆ ก็เลยต้องกินยาเผื่อไว้ก่อน ซึ่งก็โชคดีที่ไม่มีมีอาการอะไรให้น่าเป็นห่วง ทุกวันนี้ก็มีเพียงนัดเช็กอัพดูอาการอย่างต่อเนื่องตามนัดแพทย์ แต่นอกนั้นคือใช้ชีวิตตามปกติเลย มีแค่ไม่อยากให้ออกกำลังกายหนักๆ แล้วก็รักษาสุขภาพตัวเองอย่างสม่ำเสมอก็พอค่ะ”
ได้ฟังเรื่องราวเคสรุ่นพี่อย่างเอแล้ว หนุ่มป๊อกน่าจะเบาใจได้ Celeb Online ก็ขอเอาใจช่วยให้สุขภาพร่างกายกลับมาหายเป็นปกติเร็วๆ และสร้างครอบครัวแสนอบอุ่นให้เราได้ติดตามชมกันไปอีกนานๆ นะคะ