>>งานเปิดตัวที่ผ่านมาคับคั่งไปด้วยกัลยาณมิตรที่มาร่วมแสดงความยินดีกับผลงานพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรกในชีวิต “I love ธรรมะ” ฉบับเริ่มชีวิต อริยสัจ 4 จากปลายปากกาของหนุ่มสังคมคนดัง พัฒพงษ์ ธนวิสุทธิ์ ถ่ายทอดความเข้าใจในหลักธรรม รวม 22 บท เริ่มจากหลักธรรมคำสอนพื้นฐาน ธรรมชาติของสรรพสิ่ง กิเลส ตัณหา มานะ ทิฐิ และอัตตา จากนั้นนำเข้าสู่คำสอนหลักของพุทธศาสนา ได้แก่ อริยสัจ 4 อันเป็นคำสอนสู่ชีวิตอันประเสริฐ ตามด้วยมรรค 8 และปิดท้ายด้วยไตรสิกขา
ก่อนหน้านี้ คุณหมู – พัฒพงษ์ ถ่ายทอดแนวคิดจากมุมมองชีวิตที่ผ่านร้อนหนาวมากมาย โดยฝากฝีไม้ลายมือ ผ่านคอลัมน์ประจำ My own perspective (มาย โอน เพอร์สเปกทีฟ) ในนิตยสารรายเดือน HiSoParty Magazine (ไฮโซปาร์ตี้ แมกกาซีน) และเว็บไซต์ HiSoParty.com วันนี้เขาพร้อมแล้วที่จะเปิดเผยที่มาของผลงานพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรก “I love ธรรมะ” ฉบับเริ่มชีวิต อริยสัจ 4 อันเปรียบเสมือนคู่มือชีวิตที่มีธรรมะ ซึ่งใช้เวลาเรียบเรียงกว่า 3 ปี
“ผมสนใจธรรมะตั้งแต่เด็กๆ สมัยอยู่ที่จังหวัดพิจิตรก่อนย้ายมากรุงเทพฯ ที่ผ่านมาอ่านหนังสือธรรมะมาเยอะมาก สิ่งหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ คือคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในชีวิตเรา มนุษย์เราต่างมองหาชีวิตที่ดีขึ้น เราอยากได้ชีวิตที่ประเสริฐ แต่แล้วทิศทางที่ชัดเจนคืออะไร แล้ววันหนึ่ง ผมก็ได้ความกระจ่างแจ้งในคำถามทั้งหมดทั้งมวล โดยคำตอบนั้นอยู่ในพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผมอยู่ในการฝึกฝนประพฤติปฎิบัติ หมั่นซ้อมตลอดเวลาโดยไม่ละ แล้วความจริงก็ปรากฏและได้เรียบเรียงอยู่ในหนังสือเล่มนี้” พัฒพงษ์กล่าวถึงความเป็นมาที่ทำให้สนใจศึกษาธรรมะและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรกในชีวิตในที่สุด
เขาเล่าว่าหลังจากที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมะอย่างจริงจังเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา อ่านหนังสือธรรมะเป็นร้อยเล่ม จึงเริ่มเห็นภาพรวมและเข้าใจ เห็นคุณค่าของพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จากนั้นก็ไปคุยกับเพื่อนๆ หลายคนที่ได้นำหลักธรรมต่างๆ ไปปรับใช้กับตัวเองแล้วก็ได้ผล เป็นประโยชน์สุข ตัวเองก็ลองนำไปใช้ก็ได้ผลเช่นกัน และผลพลอยได้ที่ได้รับ คือ ความสุขจากตัวเองที่เผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างด้วย
“ทุกวันนี้ในการใช้ชีวิตผมจะรักษาจิตให้มีความสุขเป็นพื้นจิตตลอดเวลา คำว่าโกรธไม่มีแล้ว โลภหลงก็เบาบาง จะไม่ทิ้งให้ใครเข้าใจผมผิดเลย แม้กระทั่งระคายเคือง ผมก็ต้องเข้าไปรับผิดชอบ แล้วก็สร้างมุมมองให้เขาใหม่ ให้กลับมารักกันเหมือนเดิม และรักษาตัวเราเองให้อยู่ในสภาวะที่มีความรักให้กับทุกคนเสมอ ต่างจากสมัยก่อนผมจะสู้เลย เวลามีอะไรผิดปกติ เหมือนกับปกป้องมุมมองของเรา เพราะมีความกลัวลึกๆ อยู่ข้างใน แต่ในที่สุดก็ย้อนกลับมาเป็นความทุกข์ที่ตกอยู่กับตัวเราและคนรอบข้าง
คุณหมูให้เหตุผลในการเลือกจัดงานเปิดตัวหนังสือธรรมะในศูนย์การค้าว่า “ไม่อยากให้ธรรมะกับสังคมแยกออกจากกัน ไม่ควรแยกกันตั้งแต่แรกแล้ว เพราะทุกวันนี้สังคมอยู่ที่นี่ พระธรรมคำสอนคือการศึกษาก็ต้องอยู่กับเราที่นี่เช่นกัน อย่าไปเผลอสร้างกำแพงกั้นออกไป เพราะบางทีเราอาจกั้นโดยที่ไม่รู้ตัว พอพูดถึงธรรมะต้องไปที่วัด ทั้งๆ ที่พระธรรมคำสอนก็คือการศึกษาที่สามารถนำมาใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย และอินเทรนด์มาตลอดสองพันห้าร้อยกว่าปี”
อีกทั้งในฐานะพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีมุมมองอย่างไรกับข่าวคราวในช่วงนี้ที่มีแต่ข่าวไม่ดีในวงการสงฆ์ เขาตอบว่า “การรับข้อมูลข่าวสาร ควรตั้งอยู่ในพระธรรมคำสอน ต้องใช้ปัญญาในการรับข้อมูลข่าวสาร ไม่ใช่รับด้วยอารมณ์ที่จะทำให้ข้อมูลข่าวสารนั้นพาเราไปโกรธ ชอบ ไม่ชอบ ถึงแม้พระจะทำผิดศีล แต่พระธรรมคำสอนก็ยังคงบริสุทธิ์และเป็นความจริงแท้อยู่เสมอ”
พร้อมกันนี้ คุณหมู-พัฒพงษ์ ได้แนะนำหลักธรรมที่สามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะธรรมะสำหรับการครองเรือน เพื่อลดปัญหาหย่าร้างที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากในแต่ละปี “สิ่งที่น่ากลัวมากในสังคมปัจจุบันนี้ คือ เรื่องครอบครัว ที่ผ่านมาการหย่าร้างเยอะมาก พอเข้าไปศึกษาลึกๆ แล้ว เห็นเลยว่าเรารักกันไม่เป็น ยกตัวอย่าง การที่สามีภรรยาทะเลาะกัน เคืองกัน เกิดจากการที่เขาไม่ได้พัฒนาความรักสู่ความรักในธรรม แต่จะเอา จะได้จากกัน หรือโกรธใส่กันเมื่ออีกฝ่ายทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เพราะโกรธเป็นกลไกของตัณหา เพื่อให้ได้มาอย่างที่เราต้องการ ฉะนั้นจึงเป็นรักที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะจะเอาจะได้จากกัน คนที่หย่าร้างส่วนใหญ่ คือ คนที่อยู่ในอำนาจของตัณหาจะเอาจะได้จากกัน จนต่างฝ่ายต่างเหือดแห้งไป จนเหนื่อยทั้งคู่กระทั่งในที่สุดก็ต้องเลิกรากันไป เพราะไม่สามารถฝืนสภาวะที่เป็นอยู่ระหว่างกันได้ ในเมื่อเราไม่รู้ธรรมะเราก็ไม่รู้ตัวเราเอง แต่ถ้าเรานำพระธรรมคำสอนมาปรับใช้ ก็จะพลิกความรู้สึกที่จะเอาจะได้ที่เรียกว่า “ราคะ” เปลี่ยนเป็น “เมตตา” เพราะเราจะสุข เมื่อเขาสุข ก็แสดงว่าสุขร่วมกัน เกื้อกูลกัน ดังนั้นต้องพัฒนาความรักให้ไม่ยึดติดอยู่กับราคะที่จะนำพาไปหนทางแห่งทุกข์”
ไม่เพียงเจ้าของผลงานที่ใช้ธรรมะในการเปลี่ยนแปลงตัวตนจนประสบผลสำเร็จจนเป็นที่ชื่นชม บรรดาหนุ่มสาวสมัยใหม่ก็ล้วนใช้หลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ในดำเนินชีวิตเช่นกัน ลองมาฟังทัศนะของเซเลบริตี้ที่มาร่วมแบ่งปันข้อคิดดีๆ ด้วยเช่นกัน
คุณแม่ลูก 3 ปัทมน อดิเรกสาร บอกหลักปฏิบัติของตัวเองที่เน้นเรื่องศีลธรรมกับจรรยาบรรณ เพราะโดยส่วนตัวรู้สึกว่าคนปัจจุบัน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กเหมือนมองข้าม และทุกอย่างเหมือนดร็อปลง ทั้งๆ ที่บ้านเราเป็นเมืองพุทธ อาจจะเห็นเรื่องวัตถุนิยมสำคัญกว่าเรื่องศีลธรรม จรรยาบรรณ สำหรับครอบครัวบัว เราอิงกับธรรมะ เพราะคุณแม่ก็ชอบเรื่องนี้ ล่าสุดอินมากขึ้น เพราะสามีเพิ่งลาสิกขา หลังจากบวชเรียนประมาณ 3 อาทิตย์ ระหว่างที่พ่อบวชเป็นพระ ก็พาลูกไปกราบ แล้วก็สอนลูกไปในตัวด้วย พอสึกมาก็พยายามสอนสิ่งต่างๆ รวมทั้งอ่านหนังสือให้เขาฟัง ทำให้เขาเริ่มเข้าใจมากขึ้น ก็พยายามให้ลูกสวดมนต์เยอะๆ และอยู่ใกล้ธรรมะให้มากๆ
คู่สามีภรรยา อุษณา มหากิจศิริ และ กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี บอกหลักธรรมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และนำมาประยุกต์ใช้ในการครองเรือนของทั้งคู่ อุษณาบอกว่า “พยายามรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ที่สุด เพราะเชื่อว่าถ้าทุกคนสามารถรักษาศีล 5 ได้ ก็แทบจะครอบคลุมทุกอย่างได้ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการพูดจา การคิด การมีสติ ถ้าฝึกปฏิบัติทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการครองเรือน การทำงาน การใช้ชีวิตก็จะราบรื่น” กมลสุทธิ์กล่าวเสริม “ก่อนนอนเราจะชวนกันนั่งสมาธิวันละ 10-15 นาที เพราะการทำสมาธิสามารถช่วยให้หลายๆ อย่างดีขึ้นด้วย รวมถึงการให้อภัยซึ่งกันและกัน ชวนกันไปทำบญ ซึ่งครอบคลุมการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็เชื่อมโยงถึงเรื่องการครองเรือนด้วย เพราะเราก็จะใจเย็น สงบ สบายกันทั้งคู่”
ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตที่มีพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เป็นเครื่องนำทาง ผ่านมุมมองของ พัฒพงษ์ ธนวิสุทธิ์ กับผลงานพ็อกเกตบุ๊ก เล่มแรก “I love ธรรมะ” ฉบับเริ่มชีวิต อริยสัจ 4 จำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป :: Report by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/
Comments are closed.