>>ร้านอาหารไทยแท้ๆ ที่เปิดขึ้นมาเพื่อโชว์ความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาไทยและมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้เป็นแบบอย่างของร้านอาหารสัญชาติไทยที่จะก้าวไกลไปสู่มาตรฐานสากล ที่มีครบทั้งบรรยากาศที่แสนงดงามของเรือนไทยโบราณ บริการระดับ 5 ดาว บวกกับความอร่อยของรสชาติดั้งเดิมที่การันตีได้จากฝีมือของเชฟกระทะเหล็กอาหารไทย
เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เรือนไทยหลังงามในซอยสุขุมวิท 31 ถูกชุบชีวิตจากการเป็นที่พักอาศัยให้กลายมาร้านอาหรไทยระดับ Fine Dining ของเชฟชุมพล แจ้งไพร ที่จับมือกับหุ้นส่วนอีก 4 ท่านเพื่อตั้งใจจะบริการความอร่อยแบบไทยแท้ๆ พร้อมตั้งเป้าหมายว่าอยากให้ Siam Wisdom นี้ เป็นร้านอาหารที่ได้รับมิชลินสตาร์เป็นร้านแรกของเมืองไทย และทางทีมงานตั้งใจจะสร้าง Siam Wisdom ให้มิได้เป็นแค่ร้านอาาหร แต่จะเป็นชื่อแบรนด์ที่แสดงถึงภูมิปัญญาของความเป็นไทย ความอร่อย และอาหารไทยที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
ร้านนี้เสิร์ฟความเป็นไทยในทุกมุม และสร้างการเรียนรู้ภูมิปัญญาไทยผ่านมื้ออาหาร เริ่มจากสถานที่ซึ่งเป็นเรือนไทยอายุหลายสิบปี นำมาปรับแต่งเป็นร้านอาหาร ด้านล่างเป็นใต้ถุนบาร์สำหรับนั่งดื่ม และนั่งชิล เสิร์ฟเครื่องดื่มค็อกเทลและอาหารทานเล่น ไฮไลต์เด็ดคือ เมนูทาปาสที่หนุ่มชาคริต แย้มนาม อีก 1 หุ้นส่วนสำคัญของร้านเป็นคนรังสรรค์เมนูขึ้น
ส่วนบนเรือนเป็นส่วนของห้องอาหารที่แบ่งออกเป็น เรือนเอก เรือนโท เรือนตรี ที่แบ่งเป็นห้องส่วนตัวหลากหลายขนาด ถูกเชื่อมด้วยเรือนแก้ว อันเป็นพื้นที่กลางลานบ้านที่ทำหลังคากระจกคลุมพร้อมเจาะช่องให้ต้นไม้ใหญ่ได้ผลิใบ
ทั่วทุกมุมตกแต่งด้วยศิลปะแบบไทยๆ ภาพวาดที่ประดับอยู่เป็นภาพโขนและหนุมานที่งดงาม และท่านใดที่สนใจอยากซื้อหาไปประดับที่บ้านสามารถติดต่อทางร้านได้ แม้ด้านนอกของร้านก็เป็นแปลงปลูกผักสวนครัว และสมุนไพรที่ทั้งเพื่อการอนุรักษ์ ถ่ายทอดความรู้และยังสามารถนำมาประกอบอาหารในร้านเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่สดใหม่และปราศจากสารเคมีอย่างแท้จริง
ส่วนอาหารทางร้าน แบ่งการบริการเป็น 2 ช่วงคือ มื้อเที่ยง เสิร์ฟเมนูแบบ A-la-carte อาหารจานด่วนทั้งหลาย เลือกสั่งได้ตามใจ ตั้งแต่น้ำพริก ต้มยำ แกง ยำ ฯลฯ และในช่วงเย็นจะเป็นการเสิร์ฟแบบเซตเมนู โดยมีให้เลือก 3 เซต ที่เชฟบรรจงรังสรรค์จับเข้าคู่กันอย่างลงตัวทั้งอาหารคาวและหวาน
เซตแรกคือ Ancient ที่เน้นอาหารโบราณซึ่งหาทานได้ยากในปัจจุบัน ที่เชฟชุมพลค้นคว้าและคัดสรรมา แต่ละเมนูย้อนประวัติไปได้นานเกิน 100 ปี และส่วนมากเป็นเมนูที่ใช้เสิร์ฟเชื้อพระวงศ์ในสมัยก่อน อย่าง ไส้กรอกปลาแนม แสร้งว่า แกงบวนใส่ใบมะตูม โดยจะจัดเสิร์ฟในชามสังคโลกที่ปั้นมือจากสุโขทัย มีความยาวนานกว่า 500 ปี
เซตถัดมาคือ Classic คืออาหารไทยที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน แต่ถูกปรุงแต่งแบบรสชาติดั้งเดิมแท้ๆ ให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจอาหารไทยอย่างแท้จริงและจัดเสิร์ฟอย่างงดงามอย่าง ทอดมันปลากราย แกงคั่วปู ต้มยำกุ้งแม่น้ำ ฯลฯ เสิร์ฟในภาชนะดินเผา เซรามิกของจังหวัดลำปาง ประวัติกว่า 200 ปี
สุดท้ายเป็นเมนู Innovation เป็นอาหารที่ได้รับการผสมผสานประยุกต์ให้ทันสมัย มีความเป็นสากลมากขึ้น และหาทานที่ไหนไม่ได้ ซึ่งทำให้รู้ว่าอาหารไทยก็สามารถก้าวไกลสู่ความอร่อยแบบอินเตอร์ได้อย่างไม่น้อยหน้าใครอย่าง ปูจ๋าไข่มดแดง ส้มตำคาเวียร์ ฯลฯ เสิร์ฟในจานพอร์ซเลนที่มาจากสระบุรี
ด้วยการจัดเสิร์ฟอาหารแต่ละเซตด้วยรูปแบบภาชนะที่แตกต่างกัน ทำให้เวลาสั่งอาหารหลายเซตมาแชร์กัน เวลาวางบนโต๊ะไม่ต้องกลัวสับสน แยกออกได้เลยว่าจานไหนเป็นของเซตไหน ความอร่อยทั้งอาหารตาด้วยรูปแบบการนำเสนอและภาชนะที่สวยงาม ถูกเติมเต็มความอร่อยในรสชาติด้วยฝีมือเชฟ และวัตถุดิบสดๆ ที่เมด อิน ไทยแลนด์ล้วนๆ สรรหามาจากทุกแหล่งผลิตในเมืองไทย แม้กระทั่งไข่ปลาคาเวียร์ ก็มาจากปลาของโครงการหลวงที่เลี้ยงในน้ำเย็นบนดอยทางภาคเหนือ รวมถึงวัตถุดิบบางอย่างก็เป็นสูตรพิเศษเฉพาะร้านนี้ อย่างน้ำปลาก็เป็นสูตรหมักธรรมชาตินาน 18 เดือน ที่ทางร้านสั่งทำพิเศษ
ด้วยความที่ต้องการบริการความอร่อยให้ได้มากที่สุด ทางร้านจึงมีการปรับเปลี่ยนเมนูทุกๆ 4 เดือน โดยยึดวันเปลี่ยนเครื่องทรงของพระแก้วมรกต อันเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านฤดูกาล เพื่อที่เชฟจะคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด วัตถุดิบที่อร่อยที่สุดในแต่ละฤดูกาลมาให้ได้รับประทานกัน
ใครอยากไปรับประทานความอร่อยฝีมือเชฟชุมพลนี้ ตรงไปได้ที่ร้านสยาม วิสดอม ในซอยสุขุมวิท 31 แยก 4 ซึ่งจะเปิดบริการช่วงมื้ออาหารเที่ยง ตั้งแต่เวลา 12.00 – 14.30 น. และช่วงอาหารเย็น เวลา 18.00 – 22.30 น. (โดยวันศุกร์และเสาร์ ปิดเวลา 23.00 น.) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2260-7811 หรือที่เว็บไซต์ www.siamwisdomcuisine.com :: Text by FLASH
Comments are closed.